หนุ่มเมียนมา ทำทีมาซื้อข้าวสาร ก่อนกระหน่ำแทงเจ้าของร้านชำ ไม่ยั้งมือจนเสียชีวิต
วันที่ 4 มิ.ย. 2567 เวลา 07:12 น.
หนุ่มเมียนมา ทำทีมาซื้อข้าวสาร ก่อนกระหน่ำแทงเจ้าของร้านชำ ไม่ยั้งมือจนเสียชีวิต สามีได้ยินเสียง รีบวิ่งออกมาช่วย ก็ถูกคนร้ายปรี่เข้ามาทำร้ายเช่นเดียวกัน จนต่อสู้บาดเจ็บสาหัสอีกราย หลังเกิดเหตุสามารถจับกุมตัวคนร้ายไว้ได้ เร่งสอบสวน ส่วนมูลเหตุจูงใจ จากกรณีที่ เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.67 เกิดเหตุนาย ออง เส เมน อายุ 22 ปี สัญชาติเมียนมา ลักลอบหลบหนีเข้าประเทศไทย ก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทง เจ๊ศรี อายุ 53 ปี เจ้าของร้านขายของชำ จำนวน 3 แผลจนเสียชีวิต และใช้อาวุธมีดเข้าทำร้าย โกมล อายุ 56 ปี จนได้รับบาดเจ็บ ต่อมาประมาณ 30 นาที เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้ โดย พ.ต.อ.พูนศักดิ์ เซ็งแซ่ ผกก. สภ.ย่านตาขาว เผยว่าจากการการสอบปากคำผู้ก่อเหตุอ้างว่า มูลเหตุจูงใจ ได้เข้าไปภายในร้านขายของชำ เพื่อซื้อข้าวสาร เมื่อเจ้าของร้าน ซึ่งเป็นผู้หญิงเดินมาถึงจุดเกิดเหตุ เพื่อตักข้าวสารใส่ถุงให้ ปรากฏว่าคนร้ายได้มีการขอเงิน แต่ทางเจ้าของร้านไม่ให้ และบอกให้คนร้ายออกไปจากร้าน ทำให้คนร้ายจึงลงมือใช้อาวุธมีด ที่พกติดตัวทำร้ายจนถึงแก่ความตาย ขณะเดียวกันสามีของผู้ตายได้ยินเสียงร้องของภรรยา จึงได้เดินออกมาจากภายในบ้าน เมื่ออกมาถึงก็รีบวิ่งจะเข้าไปช่วยเหลือภรรยา จนเกิดการต่อสู้กัน จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในร้านค้าดังกล่าว สามารถบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ โดยช่วงเวลาประมาณ 09.51 น. วันนี้ 3 มิ.ย.67 นาย ออง เส เมน ได้ขี่รถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า มาจอดบริเวณหน้าร้านค้า โดยใส่ชุดเป็นเสื้อสีแดง สวมทับด้วยเสื้อแจ็คเก็ตสีดำ นุ่งกางเกงยีนส์ขายาวสีดำ สวมหมวกแก๊ปสีดำ สวมหน้ากากอนามัย สะพายกระเป๋าข้าง ก่อนจะเข้ามาภายในร้านมาขอซื้อข้าวสารจำนวน 1 ถุง ก่อนที่ผู้เสียชีวิตจะไปหยิบถุงและชี้ให้ไปยังจุดที่ตั้งกระสอบถังข้าวสารเพื่อนที่จะไปตักข้าวสารใส่ถุงให้ ขณะเดียวกันคนร้ายได้มองรอบๆภายในร้านค้า จังหวะเดียวกันนั้นยังเห็นว่าสามีของผู้เสียชีวิตได้เดินออกมาจากอาบน้ำภายในบ้าน โดยนุ่งผ้าขาวม้าเพียงผืนเดียว ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน ขณะเดียวกันคนร้ายได้ชักอาวุธมีดออกมาแทงผู้เสียชีวิตพร้อมกระหน่ำแทงไปจำนวนหลายครั้ง จนล้มลงไปกับพื้น และได้กรีดร้องเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนสามีซึ่งอยู่ภายในบ้านได้วิ่งออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะส่งเสียงถามว่าเป็นอะไร ก่อนที่คนร้ายจะปรี่เข้ามาทำร้ายสามีจนเกิดการต่อสู้กัน และคนร้ายได้ใช้อาวุธมีดกระหน่ำแทงจำนวนหลายครั้ง ซึ่งขณะนั้นยังคงได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง ด้าน นายวิชญาน ขวัญนิมิต กำนัน ต.ทุ่งค่าย เผยว่า ครอบครัวดังกล่าวเป็นคนนิสัยดีมาก และเป็นที่รักของคนในชุมชน ไม่มีเคยมีศัตรูหรือคู่ขัดแย้งกับใคร ประกอบอาชีพค้าขายมาเป็นเวลานาน เป็นที่รู้จักของคนในละแวกดังกล่าวดี โดยในวันนี้ (3 มิ.ย.67) ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านว่าเกิดเหตุแทงกันในร้านค้าของชำดังกล่าว มีผู้เสียชีวิตเป็นภรรยา 1 ราย สามีบาดเจ็บสาหัส 1 ราย ส่วนผู้ก่อเหตุทราบเบื้องต้นว่าได้มาพักและทำงานอยู่ที่โรงงานไม้ยางพาราแห่งหนึ่ง ได้ประมาณ 3-4 วัน โดยได้ทิ้งหลักฐานเป็นรถ จยย.เอาไว้ จนสืบทราบไปที่โรงงานดังกล่าวจนทราบว่าบุคคลดังกล่าวได้หายไปจากโรงงานดังกล่าวจริง จนเวลาประมาณ 10.00 น. ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบเห็นชายคนดังกล่าว ซึ่งไม่คุ้นหน้าอยู่ภายในสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมัน ชาวบ้านจึงช่วยกันรวบตัวไว้ได้ และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปรับตัวไปสอบสวน ส่วนมูลเหตุจูงใจตนไม่ทราบมูลเหตุจูงใจ ส่วนทรัพย์สินภายในบ้านไม่มีอะไรสูญหายออกไป นายวิชญาน เผยอีกว่า ส่วนพฤติการณ์ผู้ก่อเหตุ ทราบว่า ก่อนจะเกิดเหตุคนร้ายรายดังกล่าวได้ขับขี่รถ จยย.คันดังกล่าวมาซื้อของที่ร้านค้ากับเพื่อนรวม 2 คน หลังจากซื้อเสร็จก็ได้ขับรถออกไปที่โรงงานไม้ยางพารา จากนั้นคนร้ายได้ขับรถวกกลับมาที่ร้านเพียงคนเดียว ก่อนจะก่อเหตุดังกล่าวขึ้น เบื้องต้นจากการตรวจสอบข้อมูลไม่พบเอกสารที่ผู้ก่อเหตุเดินทางเข้ามาถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเหตุการณ์นี้ในพื้นที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกที่ชาวต่างชาติก่อเหตุสะเทือนขวัญดังกล่าวขึ้น ส่วนมีดที่ผู้ก่อเหตุใช้ได้นำออกมาจากห้องครัวของโรงงาน คาดเตรียมตัวมาชิงทรัพย์แต่ทางเจ้าของร้านต่อสู้ขัดขืน จึงไม่ได้ทรัพย์สิน หรือเงินแต่อย่างใด