อุตรดิตถ์ เจอเครือข่ายค้ายาบ้า ป.ป.ส.ตามรวบถึงที่ ยึดของกลางได้ 432,007 เม็ด
วันที่ 27 พ.ค. 2567 เวลา 14:47 น.
ป.ป.ส. ร่วมตำรวจอุตรดิตถ์ วางแผนจับเครือข่ายค้ายาเสพติด ใช้บ้านเป็นจุดพักยาบ้าก่อนลำเลียงยาบ้าด้วยบริษัทส่งพัสดุ ยึดของกลางได้ 432,007 เม็ด สารภาพตัวการเป็นอดีตผู้ต้องขังหลบหนีไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน อุตรดิตถ์ วันนี้(27 พฤษภาคม 2567) พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เผยถึงความร่วมมือระหว่าง สำนักงาน ป.ป.ส. และ ตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์ จับกุมผู้ต้องหา ใช้บ้านเป็นแหล่งพักยาเสพติด เพื่อส่งต่อให้ผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมยึดของกลางยาบ้า รวม 432,007 เม็ด ในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ โดยเจ้าหน้าที่สืบสวนติดตามพฤติการณ์เครือข่ายชาติพันธุ์ในพื้นที่ จ.เชียงราย ที่มีพฤติการณ์ลักลอบส่งยาเสพติดผ่านพัสดุภัณฑ์ไปให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคใต้ โดยนายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด จัดชุดสืบสวนสืบสวนกระทั่งทราบว่า เครือข่ายดังกล่าวเตรียมจัดส่งพัสดุที่ซุกซ่อนยาเสพติดไป จ.อุตรดิตถ์ จึงติดตามพฤติการณ์อย่างใกล้ชิด รวมทั้งประสาน ภ.จ.อุตรดิตถ์ ในการสืบสวนขยายผล กระทั่งวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมผู้รับพัสดุในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ พร้อมของกลางยาบ้า 200,000 เม็ด ซุกซ่อนภายในกล่องพัสดุ 4 กล่อง จากการตรวจค้นร่างกาย พบยาบ้า 7 เม็ด จากนั้นขยายผลตรวจค้นบ้านพัก พบยาบ้าอีก 232,000 เม็ด รวมของกลางยาบ้า 432,007 เม็ด ผู้ต้องหาให้การว่าได้รับการสั่งการจากชายชาว จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งเคยต้องโทษจำคุกเกี่ยวกับคดียาเสพติดมาแล้ว 3 ครั้ง ปัจจุบันหลบหนีหมายจับอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน แต่ยังมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการค้ายาเสพติด เบื้องต้น ชุดจับกุมแจ้งข้อกล่าวหา ในความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และความผิดฐานสมคบตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และได้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบ ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า ขณะนี้ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องในการจัดส่งพัสดุและผู้สั่งการ โดยเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวนติดตามจับกุมบุคคลดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย และสำนักงาน ป.ป.ส. จะร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้องขยายผลตรวจสอบทรัพย์สินผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การยึดทรัพย์ต่อไป ทั้งนี้ เลขาธิการ ป.ป.ส. ระบุว่า ปัจจุบันพบว่าการกระจายยาเสพติดผ่านระบบขนส่งโลจิสติกส์เอกชน เป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมใช้ในการนำส่งยาเสพติดไปยังผู้รับ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการขนส่งต่ำ จึงกำชับให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดร่วมมือกับสถานประกอบการ ขอความร่วมมือจากบริษัทขนส่งพัสดุให้เข้มงวดกวดขันในการตรวจสอบเอกสารหลักฐานของการส่งพัสดุ และบันทึกภาพผ่านกล้องวงจรปิด เพื่อให้การจับกุมทุกครั้งสามารถรู้ตัวผู้เกี่ยวข้องที่เป็นผู้ส่ง-ผู้รับยาเสพติดอย่างแน่นอน นอกจากนี้ต้องคัดกรองประวัติของผู้ที่จะเข้ามาเป็นพนักงาน หากผู้ประกอบการฝ่าฝืน ปล่อยปละละเลยให้มีการขนส่งยาเสพติดผ่านบริษัทของตนเอง จะมีโทษปรับ 100,000 บาท หากกระทำผิดซ้ำก็จะพิจารณาโทษทางอาญา หรือ เพิกถอนใบอนุญาต