เดือด! กลุ่มโจ๋เจ้าถิ่น-อริ ตะลุมบอนกันในงานบุญบั้งไฟ ที่อุดรธานี

วันที่ 21 พ.ค. 2567 เวลา 07:02 น.

สนามข่าว 7 สี - เหตุการณ์นี้โพสต์ผิดหรือไม่ ทำไมชีวิตถึงเปลี่ยน เมื่อหนุ่มคนหนึ่งโพสต์คลิปวิดีโอว่าไปเที่ยวชมงานบุญบั้งไฟที่หมู่บ้านหนึ่ง ในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี จู่ ๆ วัยรุ่นเจ้าถิ่นและอริมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกันชุลมุน แต่ไม่รู้ทะเลาะกันท่าไหน สุดท้ายตัวเองถูกข่มขู่ด้วยภาพอาวุธปืน นี่เป็นนาทีกลุ่มวัยรุ่นเจ้าถิ่นและกลุ่มวัยรุ่นคู่อริทะเลาะวิวาทกันในน้ำและบนบก ภายในงานบุญบั้งไฟของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ตำบลหนองคู อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี จนชาวบ้านที่ไปร่วมงานต่างวิ่งหนีกันจ้าหละหวั่น เพราะกลัวถูกลูกหลง โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ชายอายุ 27 ปี เจ้าของคลิปวิดีโอ เล่าว่า ตนเองและเพื่อน ๆ อยากฟังเพลงหมอลำ เลยไปงานบุญบั้งไฟ จังหวะที่กำลังเพลิดเพลินไปกับเพลง จู่ ๆ กรรมการจัดงานฯ ประกาศว่าจะเล่นอีก 3 เพลงสุดท้าย แล้วจะปิดงาน หลังจากนั้นไม่ถึง 5 นาที จู่ ๆ มีวัยรุ่นคนหนึ่งวิ่งลงน้ำ แถมมีกลุ่มวัยรุ่นวิ่งตามไปติด ๆ ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะแลกหมัดและปาขวดใส่กันไปมา แล้วก็แยกย้ายกันไป จากนั้นวัยรุ่นกลุ่มเดิมก็วิวาทกันอีก เป็นเช่นนี้หลายครั้ง มีช่วงหนึ่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของงานเข้าไปห้ามปราม ใช้กิ่งไม้ฟาดวัยรุ่นที่กำลังตีกัน เพื่อหวังจะแยกทั้งคู่ออกจากกัน แต่เรื่องราวกลับวุ่นวายหนักกว่าเก่า เลยบันทึกภาพแล้วโพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว เผื่อผู้เสียหายต้องการแจ้งความเอาเรื่อง ก็สามารถนำคลิปไปใช้ และเตือนเป็นอุทาหรณ์ แต่เรื่องราวกลับวุ่นวายขึ้นอีก เพราะมีผู้ใช้เฟซบุ๊กหนึ่งแชร์คลิปวิดีโอไป พร้อมโพสต์ข้อความกล่าวหาว่าตนเองอยากดัง แถมอยากให้ตนเองถูกทำร้าย จะได้เลิกปากเสีย ยิ่งไปกว่านั้นโพสต์ภาพอาวุธปืน แต่นำรูปตัวการ์ตูนมาปิดไว้ พร้อมข้อความว่า "บ่รู้นะ ว่ามันสิเกิดหยั่งขึ้น พวกปากหมาๆๆ นิ ติดคุกยังมีวันออก แต่ลูกปืนออก มันบ่มีวันกลับมานะ 555" กลัวว่าจะได้รับอันตราย จึงลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.บ้านเทื่อม กลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุทั้ง 2 กลุ่ม เป็นวัยรุ่นเจ้าถิ่น บ้านหนองหัวคู และอีกกลุ่มเป็นวัยรุ่นต่างหมู่บ้าน หรืออริ บ้านหนองแค มีเรื่องบาดหมางกันมานานแล้ว สาเหตุหลัก ๆ แค่มองหน้า ขณะเดียวกันทีมข่าวโทรศัพท์ไปสอบถามผู้ใหญ่บ้านที่เกิดเหตุว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งผู้ใหญ่บ้านตอบสั้น ๆ ว่า ช่วงเช้า (20 พ.ค.) เรียกวัยรุ่นทั้ง 2 ฝ่ายมาพูดคุยกันแล้ว สรุปว่าเป็นการเข้าใจผิดกัน ต่างฝ่ายต่างก็ไม่เอาผิดซึ่งกันและกัน ก่อนจะแยกย้ายกันไป