จับคนร้ายสวมรอยขโมยพัสดุ นาฬิกาหรู

วันที่ 15 พ.ค. 2567 เวลา 11:16 น.

ห้องข่าวภาคเที่ยง - คุณผู้ชมจำเรื่องที่ผู้เสียหายไปร้องกับเพจสายไหมต้องรอด ว่าถูกมิจฉาชีพหลอกซื้อนาฬิกาหรู ราคาเกือบ 4 แสนบาท แล้วสวมรอยขโมยนาฬิกาไปได้ไหม ปรากฎว่าคนร้ายไม่ได้ก่อเหตุกับผู้เสียหายแค่รายเดียว แต่ยังมีเจ้าอื่น ๆ อีก รวมความเสียหายปาเข้าไปกว่า 2 ล้านบาท สรุปเรื่องของผู้เสียหายรายแรกที่ไปร้องกับเพจสายไหมต้องรอด เริ่มจากที่ผู้เสียหายโพสต์ขายนาฬิกา ราคาเกือบ 400,000 บาท แล้วก็มีคนมาติดต่อขอซื้อ ระบุขอให้ส่งไปรษณีย์บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง อ้างว่าเป็นไปรษณีย์เดียวที่เอาของไปส่งถึงที่บ้านได้ จากนั้นคนที่ซื้อก็วิดีโอคอลมาคุยขอเลขพัสดุ และขอให้เดินออกจากไปรษณีย์ อ้างว่าเพื่อแสดงให้ดูว่าได้ส่งของแล้ว แล้วก็บอกให้รอข้างนอก ซักพักจะโอนเงินไปให้ แต่รออยู่พักหนึ่งแล้วก็ยังไม่ได้เงิน ก็เลยกลับเข้าไปไปรษณียอีกที พนักงานไปรษณีย์บอกว่า มีไรเดอร์มาติดต่อยกเลิกขนส่ง แล้วรับมอบพัสดุไปแล้ว จึงรู้ตัวว่าถูกมิจฉาชีพหลอกเข้าให้แล้ว จากนั้นผู้เสียหายก็เข้าแจ้งกับตำรวจ สน.ท่าข้าม แต่พอมีการายงานข่าวคดีนี้เข้าไป ปรากฎคนร้ายที่ชื่อ นายนพรัตน์ ไม่ได้ก่อเหตุกับผู้เสียหายเพียงรายเดียว แต่ยังใช้วิธีเดียวกัน หลอกขอซื้อสินค้าราคาแพง เช่น เพชร และนาฬิกาโรเล็กซ์ จากผู้เสียหายอีก 2 ราย ในพื้นที่ สน.บางขุนเทียน และ สน.ท่าข้าม รวมความเสียหายกว่า 2.2 ล้านบาท จึงเร่งตามจับกุมตัวมาสอบสวนดำเนินคดี เบื้องต้นผู้ต้องหาก็ให้การภาคเสธ ยอมรับว่าได้รับเอาทรัพย์สินมาขายต่อให้กับทางร้านจริง แต่ก็เชื่อว่าตนเองไม่ได้ทำผิด เพราะเป็นการซื้อขายอย่างสุจริต ส่วนเรื่องร้านที่รับซื้อของกลางเหล่านี้ไป ตำรวจพบว่า สถานที่รับซื้อได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการอย่างถูกกฎหมาย และเสนอราคารับซื้อตามสมควร มีการลงข้อมูลบุคคลที่นำมาขายไว้ครบถ้วน เป็นการดำเนินการตามกระบวนการในการรับซื้อของเก่า จึงไม่มีความผิดในข้อหารับของโจร เรื่องติดตามทรัพย์สินกลับคืน จึงต้องใช้กระบวนการทางแพ่งต่อไป