NARIT เตือน “พายุสุริยะ” ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปี จะมาเยือนโลกในสุดสัปดาห์นี้

วันที่ 11 พ.ค. 2567 เวลา 13:47 น.

สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เตือน “พายุสุริยะ” ที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปีจะมาเยือนโลกในสุดสัปดาห์นี้ อาจกระทบที่ต่อดาวเทียมและกริดไฟฟ้า แต่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ ในพื้นที่ละติจูดสูงเตรียมพบกับ “แสงออโรรา” วันนี้ (11 พ.ค. 67) ทางเพจเฟซบุ๊ก “NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ” รายงานว่า ทาง NOAA (National Oceanic and Atmospheric Administration) เป็นหน่วยงานของสหรัฐอเมริกาที่ทำหน้าที่ติดตามเฝ้าระวัง “พายุสุริยะ” ได้รายงานการค้นพบพายุสุริยะระดับ G5 ซึ่งเป็นพายุสุริยะที่รุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปี กำลังจะมาเยือนโลกในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เบื้องต้น เตือนถึงผลกระทบที่อาจจะส่งผลต่อดาวเทียมและกริดไฟฟ้าในประเทศแถบขั้วโลก แต่ไม่ส่งผลต่อสุขภาพของมนุษย์แต่อย่างใด ผู้สังเกตในแถบละติจูดสูงเตรียมพบกับแสงออโรราได้ตลอดสุดสัปดาห์นี้ ก่อนหน้านี้ ทาง NOAA ได้แจ้งเตือนถึงการตรวจพบพายุสุริยะที่มีความรุนแรงระดับ G4 ต่อมาได้ยกระดับพายุขึ้นเป็นระดับ G5 ซึ่งเป็นระดับความรุนแรงของพายุสุริยะที่สูงที่สุด โดยครั้งสุดท้ายที่มีการแจ้งเตือนพายุสุริยะในระดับ G5 นั้นเกิดขึ้นในช่วงวันฮาโลวีนของปี 2003 จึงทำให้นี่เป็นพายุสุริยะที่มีระดับรุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปี โดยพายุสุริยะนั้นเกิดขึ้นจากการปลดปล่อยมวลจากดวงอาทิตย์ (Coronal Mass Ejection: CME) มวลจากดวงอาทิตย์เหล่านี้เกิดขึ้นจากอนุภาคมีประจุ ซึ่งเมื่ออนุภาคมีประจุเหล่านี้เกิดการเคลื่อนที่ อาจจะส่งผลรบกวนและเบี่ยงเบนสนามแม่เหล็กของโลก เมื่อสนามแม่เหล็กของโลกเกิดการรบกวนจะทำให้อนุภาคบางส่วนสามารถเข้ามายังชั้นบรรยากาศด้านบนของโลกได้ และทำให้เกิดแสงเหนือ-แสงใต้ หรือที่เรียกกันว่า "แสงออโรรา" โดยปกติแล้ว การปลดปล่อยมวลสุริยะของดวงอาทิตย์นั้นมักจะเกิดขึ้นจากบริเวณผิวของดวงอาทิตย์ที่มีสนามแม่เหล็กแปรปรวน เป็นเหตุให้พลาสมาจากดวงอาทิตย์สามารถหลุดและปลดปล่อยออกมาได้ ซึ่งจากบนโลกเราสามารถสังเกตเห็นบริเวณที่มีสนามแม่เหล็กแปรปรวนนี้ในรูปของจุดดับบนดวงอาทิตย์ ซึ่งในช่วงปีนี้นั้นสอดคล้องกับช่วง Solar Maximum ในวัฏจักร 11 ปีของดวงอาทิตย์ ที่จะสามารถพบจุดดับได้บ่อยที่สุดพอดี ซึ่งปรากฏการณ์พายุสุริยะนี้จึงเป็นพฤติกรรมปกติของดวงอาทิตย์ที่สามารถพบเห็นได้ และอาจจะมีพายุสุริยะอื่น ๆ ตามมาอีกในช่วง solar maximum ที่เรากำลังอยู่นี้ เมื่อพายุสุริยะมาถึงโลก อนุภาคที่มีประจุนี้ส่วนมากจะถูกเบี่ยงเบนออกไปโดยสนามแม่เหล็กของโลกที่คอยปกป้องโลกเอาไว้ มีเพียงส่วนน้อยที่สามารถเลี้ยวไปตามเส้นแรงแม่เหล็กโลกกระทบเข้ากับชั้นบนของบรรยากาศเกิดเป็นแสงออโรรา ในกรณีที่มีการปลดปล่อยมวลเป็นจำนวนมาก พลาสมาในมวลสุริยะนั้นอาจจะมีอันตรากิริยากับสนามแม่เหล็กของโลก ทำให้สนามแม่เหล็กของโลกเบี่ยงเบนไป จึงอาจทำให้อนุภาคสามารถกระทบกับชั้นบรรยากาศเกิดเป็นแสงออโรราในพื้นที่ละติจูดที่ต่ำกว่าปกติได้ จึงอาจทำให้เกิดแสงออโรราเป็นวงที่กว้างกว่าปกติ อย่างไรก็ตาม ความสูงของบริเวณที่เกิดออโรรานั้นก็ยังนับเป็นความสูงที่สูงกว่าที่มนุษย์อาศัยอยู่เป็นอย่างมาก จึงไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์และสัตว์ อย่างไรก็ตาม พายุสุริยะอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่อาจจะอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของสนามไฟฟ้า เช่น ดาวเทียมสื่อสารที่โคจรอยู่เหนือชั้นบรรยากาศของโลก และในบางครั้งอาจจะส่งผลกระทบต่อกริดจ่ายไฟฟ้าภาคพื้นโลก สำหรับประเทศที่อยู่ในละติจูดสูง เช่นพายุสุริยะ G5 ที่เกิดขึ้นในปี 2003 นั้นส่งผลให้เกิดไฟฟ้าดับชั่วคราวในประเทศสวีเดน และสร้างความเสียหายให้กับหม้อแปลงไฟฟ้าบางส่วนในแอฟริกาใต้ ทั้งนี้ สำหรับประเทศไทย ตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรจึงทำให้ประเทศไทยถูกปกป้องโดยสนามแม่เหล็กโลกเป็นอย่างดี “พายุสุริยะ” ในครั้งนี้จึงแทบไม่มีผลกระทบอย่างใด อย่างไรก็ตาม คนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศแถบละติจูดสูงอาจจะสามารถสังเกตแสงออโรร่าได้ตลอดช่วงสุดสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ ทาง สดร. จึงร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล ได้ดำเนินโครงการศึกษาวิจัยปรากฏการณ์และผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์ ผลิตอุปกรณ์สำรวจสภาพอวกาศ ตรวจวัดรังสีคอสมิก และติดตามผลกระทบที่มีต่อโลก ส่งไปกับยานฉ๋างเอ๋อ 7  ภายใต้โครงการสถานีวิจัยดวงจันทร์นานาชาติ (International Lunar Research Station) เพื่อศึกษาปรากฏการณ์ และผลกระทบ รวมถึงพัฒนาแบบจำลองเพื่อนำมาใช้แจ้งเตือนต่อสาธารณชนได้อย่างแม่นยำในอนาคต ขอบคุณ: NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ