ประกาศปิดให้บริการโรงพยาบาลภาชี หลังโกดังเก็บสารเคมีเกิดเพลิงไหม้

วันที่ 2 พ.ค. 2567 เวลา 07:13 น.

ประกาศปิดให้บริการโรงพยาบาลภาชี หลังโกดังเก็บสารเคมีเกิดเพลิงไหม้ ควันเข้าโรงพยาบาลจำนวนมาก ขณะที่ชาวบ้านบางส่วนอพยพศูนย์อพยพที่ทางจังหวัดจัดไว้แล้ว จากกรณีเหตุการณ์ เวลา 18.00 น.วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เกิดเหตุไฟไหม้โกดังเก็บสารเคมี ตั้งอยู่ริมถนนสายอุทัย-ภาชี  หมู่ 2 อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นโกดังร้าง มีคนลักลอบนำสารเคมีมาเก็บ จนท.ยึดไว้เป็นของกลางในคดี 4 พันตัน จุดเกิดเหตุเป็นโกดังที่ 4 และ 5 กำลังเกิดเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง  กลุ่ม ควันดำพวยพุ่ง สู่ท้องฟ้า  ส่งกลิ่นเหม็น เป็นวงกว้าง ต่อมา นายนิวัฒน์  รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่สั่งการด้วยเอง พร้อมสั่งการขอสนับสนุนรถดับเพลิงจากพื้นที่ใกล้เคียง จังหวัดใกล้เคียงเพื่อเข้ามาเร่งควบคุมสถานการณ์ให้ได้โดยเร็วที่สุด สั่งการในเรื่องดับเพลิงก่อนประสานหน่วยงานข้างเคียงรถดับเพลิงที่อยู่ในพื้นที่ทั้งหมด จัดการจราจร และเตรียมอพยพคนย้ายคนผู้ป่วยที่โรงพยาบาลภาชี กว่า 30 คน ย้ายไปก่อน เนื่องจากยังมีกลุ่มควันจำนวนมากอยู่ โดยจะย้ายไปโรงพยาบาลวังน้อย โรงพยาบาลท่าเรือ และโรงพยาบาลอุทัย ล่าสุดทาง ทาง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ออกประกาศ โรงพยาบาลภาชี ปิดการให้บริการ ชั่วคราว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากกลุ่มควันที่เกิดเพลิงไหม้ภายในโกดังเก็บสารเคมีของกลางลอยไปถึงโรงพยาบาล ซึ่งห่างประมาณ 600 เมตร ส่งผลทำให้อาจเกิดผลกระทบทางสุขภาพจากการเผาไหม้ของสารเคมีซึ่งขณะที่ โรงพยาบาลภาชี ตอนนี้ได้เร่งอพยพผู้ป่วย ประมาณ 37 ราย ออกจากโรงพยาบาลไปยังโรงพยาบาลที่ได้มีการประสานเตรียมรองรับผู้ป่วยไว้แล้ว ได้แก่ โรงพยาบาลวังน้อย โรงพยาบาลท่าเรือ และโรงพยาบาลอุทัย หรือโรงพยาบาลที่สามารถรองรับได้ทั้งหมด แล้ว รวมถึงที่ โรงพยาบาลและศูนย์อพยพ ที่ วัดโคกม่วง ตำบลโคกม่วง อำเภอภาชี ตอนนี้เจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมสนานที่ พร้อมรองรับผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยมีการเตรียมที่นอน หมอน มุ่ง อาหารน้ำดื่มรวมถึงจัดทีมแทพย์มาคอยช่วยเหลือพี่น้องประชาชน พบว่ามีประชาชนที่ได้รับผลกระทบบางส่วนเดินทางมาอยู่ในศูนย์อพยพแห่งนี้แล้ว พระครูพิพัฒน์ ศาสนกิจจาทร  เจ้าอาวาสวัดโคกม่วง เจ้าคณะตำบลภาชี เปิดเผยว่าหลังจากได้รับการประสานก็พร้อมเปิดเป็นศูนย์อพยพได้ทันที ซึ่งตอนนี้ก็มีมาแล้วบางส่วน ซึ่งตรงนี้สามารถรับได้เป็นร้อยคน และยังมีอาคารด้านในอีกและโรงเรียน ซึ่งสามารถรองรับได้เรื่อยๆ ซึ่งประสานวัดในเขตปกครองไว้แล้วถ้าไม่เพียงพอหรือเกิดเหตุฉุกเฉิน ด้าน นางวาสนา บัวสมบัติ อายุ 70 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ที่ 2 ตำบลโคกม่วง อำเภอภาชี ที่ได้รับผลกระทบกลุ่มควันเข้าไปในบ้านเหม็นมากอยู่ไม่ได้ ต้องย้ายมาอยู่ที่ศูนย์อพยพ บ้านตนเองอยู่ห่างประมาณ 200 เมตรจากโกดัง อยู่กันไม่ได้ต้องออกจากบ้านมาอยู่ที่แห่งนี้ ประมาณ 20 หลังคาเรือน อยากให้เร่งนำสารเคมีดังกล่าวออกไปให้เร็วที่สุด ขณะที่ เพลิงยังลุกไหม้ เจ้าหน้าที่เร่งควบคุม ขณะเดียวกัน อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุสถานการณ์ไฟไหม้โกดังเก็บสารเคมี เพลิงยังลุกไหม้ กลุ่มควันดำพวยพุ่ง ส่งกลิ่นเหม็น  เป็นวงกว้าง  เจ้าหน้าที่ระดมกำลังทุกภาคส่วนรวมประชุมหาแนวทางการเข้าไปควบคุม โดยจัดทีมเข้าไปทีละชุด เพื่อฉีดโฟมภายในด้านในอาคารในจุดที่เกิดเพลิงไหม้ นาย จุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม พร้อมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ร่วมหาแนวทางการดำเนินการดับไฟร่วมกับ นายนิวัฒน์  รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเจ้าหน้าที่ โดยนาย จุลพงษ์ เผยว่า เพลิงไหม้โกดังที่ 4 และ 5 ซึ่งข้างในมีสารเหล็ก สารอื่นๆที่เข้านำมาลักลอบเก็บไว้ อยู่ระหว่างการดำเนินคดี เบื้องต้น ด้านในมีสารเคมีประเภทกรด น้ำมัน และ สารเคมีที่ใช้งานแล้ว ซึ่งไฟไหม้แบบนี้จะเกิดเป็นก๊าซ ซึ่งได้ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจอากาศแล้ว โดยตั้งรถตรวจหาค่าไว้ที่หน้าอำเภอและที่โรงพยาบาล ตามทิศทางลม ในส่วนสารทั้งหมดที่เหลืออยู่ในขั้นตอนการสั่งการให้เจ้าของโกดังเอาไปกำจัด แต่ยังไม่ดำเนินการตอนนี้ หากเจ้าของไม่ดำเนินการจะมีอีกทาง คือ รัฐต้องนำไปทำเอง เพิ่งได้รับงบประมาณ ปี 2567 ซึ่งขอไว้กำจัดสารที่ราชบุรี ต้องเปลี่ยนแปลงงบประมาณจากที่ราชบุรี มาใช้ที่อยุธยาฯ อยู่ระหว่างการทำ TOR เพื่อจัดจ้างกำจัด เบื้องต้น ที่ประเมิน ไว้ประมาณ 28 ล้าน แต่ได้งบปี 67 มา 6.9 ล้าน อย่างไรตามจะนำมาดำเนินการตรงนี้ก่อน