เตือนภัย คดีลักพาตัวเรียกค่าไถ่เสมือนจริง
วันที่ 22 เม.ย. 2567 เวลา 05:08 น.
เช้าข่าว 7 สี - กรณีนักศึกษาสาวชาวจีนที่มีข่าวว่า ถูกลักพาตัวเรียกค่าไถ่ และเพิ่งพบตัววานนี้ อาจเป็นคดีลักพาตัวเรียกค่าไถ่เสมือนจริงในต่างประเทศที่เริ่มพบเห็นบ่อยมากในช่วงระยะหลัง ๆ กรณีแม่ของนักศึกษาสาวชาวจีนอายุ 22 ปี เข้าแจ้งความ ขอให้ช่วยประสานงานตามหาตัวลูกสาว ที่เรียนอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งได้โทรศัพท์มาบอกว่า ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์ข่มขู่และเรียกค่าไถ่ ให้ครอบครัวโอนเงินให้ โดยมีเสียงผู้ชายพูดแทรกเข้ามาข่มขู่ในสายด้วยว่า ลูกสาวตนทำผิดกฎหมายนั้น สุดท้ายเรื่องกลับจบลงแบบคดีพลิก เนื่องจากจากหลักฐานทุกอย่างที่พบ บ่งชี้ว่า ไม่ใช่คดีลักพาตัวเรียกค่าไถ่จริง แต่น่าจะเป็นคดี Virtual Kidnapping เหมือนที่เกิดขึ้นบ่อยในต่างประเทศ คดี Virtual Kidnapping หรือ การลักพาตัวเรียกค่าไถ่เสมือนจริง มักเกิดกับเหยื่อที่เป็นนักศึกษาชาวจีน ที่เรียนอยู่ในต่างประเทศ เนื่องจากครอบครัวเหยื่อมักมีฐานะดี ที่พบบ่อยมากคือที่ประเทศออสเตรเลีย ที่มีนักศึกษาจีนไปเรียนอยู่มาก เช่นเดียวกับ สหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ก็เคยเกิดเหตุลักษณะนี้มาแล้ว พฤติการณ์ของคนร้าย จะอ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ข่มขู่หลอกเหยื่อที่ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาว่าทำผิดกฎหมาย เพื่อให้เหยื่อไปบอกต่อกับผู้ปกครองให้ยอมจ่ายเงิน เพื่อไม่ให้มีการดำเนินคดี หรือ ส่งตัวกลับบ้าน และที่พบบ่อยมากคือการบีบบังคับข่มขู่ให้เหยื่อหลอกผู้ปกครองว่าตนเองถูกลักพาตัวเรียกค่าไถ่ เพื่อให้รีบจ่ายเงินไถ่ตัวให้กับคนร้าย บ้านเราเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ก็มีเหตุแก๊งคนร้ายอุ้มนักศึกษาปริญญาโทชาวจีน หน้าร้านอาหารดัง ย่านเอกมัย ครั้งนั้นเป็นการลักพาตัวเรียกค่าไถ่จริง ๆ ซึ่งตำรวจไทยสามารถจับกุมคนร้ายได้ ส่วนคดี Virtual Kidnapping เคยมีนักศึกษาชาวไทยตกเป็นเหยื่อมาแล้ว เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว แต่ตัวการเป็นแก๊งคอลเซนเตอร์จากกัมพูชา ด้านตำรวจมั่นใจว่า กรณีนักศึกษาสาวชาวจีน จากออสเตรเลีย ไม่ใช่คดีลักพาตัวเรียกค่าไถ่จริง ๆ แน่ เพราะหลังจากทราบว่าเธอเดินทางมาไทย และออกจากอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี มาพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านบางรัก จากหลักฐานกล้องวงจรปิด พบว่าเธอเดินทาง และเข้าพักยังที่พักต่าง ๆ ตามลำพัง แต่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นคดี Virtual Kidnapping เพราะตัวนักศึกษาสาวเอง ก็ไม่ยอมตอบคำถามทั้งหมด และผู้ปกครองของนักศึกษาสาวเองก็ไม่ประสงค์ดำเนินคดีต่อไป