วิธีแก้ปัญหา สแกนหน้าไม่ผ่าน! บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทำตามนี้
วันที่ 3 เม.ย. 2567 เวลา 11:19 น.
นางสาวทิวาพร ผาสุข รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ผู้มีสิทธิสามารถใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด ซึ่งในเดือนเมษายน 2567 จะได้รับสิทธิ ดังนี้ วันที่ 1 เมษายน 2567 (เป็นวงเงินสิทธิไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และไม่สะสมในเดือนถัดไป) - วงเงินซื้อสินค้า 300 บาทต่อคนต่อเดือน สำหรับผู้มีสิทธิที่ยืนยันตัวตน 27 ก.พ. - 26 มี.ค. 2567 และเริ่มใช้สิทธิได้ 1 เม.ย. 2567 จะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง - วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน (เม.ย. - มิ.ย. 2567) - วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาทต่อคนต่อเดือน ประกอบด้วย บขส. รถไฟ ขสมก. รถไฟฟ้า และรถโดยสารเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ วันที่ 19 เมษายน 2567 - เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือน : สำหรับผู้มีสิทธิที่เป็นคนพิการ ซึ่งมีบัตรประจำตัวคนพิการและได้รับเงินเบี้ยความพิการ 800 บาทต่อเดือน ที่ยืนยันตัวตน 27 ก.พ. - 26 มี.ค. 67 จะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง (โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์ด้วยเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักของผู้มีสิทธิหรือบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิหรือผู้รับมอบอำนาจที่ใช้รับเงินเบี้ยความพิการ 800 บาท) “ทั้งนี้ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 0 2109 2345 หรือ Call Center กรมบัญชีกลาง 0 2270 6400 ในวัน เวลาราชการ” โฆษกกรมบัญชีกลาง กล่าว วิธีแก้ไขปัญหาสแกนหน้าไม่ผ่าน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นอกจากนี้ กรมบัญชีกลาง ได้ชีแจงเหตุผลที่ต้องสแกนใบหน้า ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน ว่า เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นนำวงเงินสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐไปใช้สิทธิโดยไม่ได้รับความยินยอม เนื่องจาก กรมบัญชีกลาง ได้รับแจ้งเรื่องร้องเรียนจากสำนักงานคลังในหลายจังหวัด ได้รับเรื่องร้องเรียนเป็นจำนวนมาก และวงเงินดังกล่าว ถูกนำไปใช้บริการขนส่งสาธารณะเอกชน ข้ามพื้นที่หรือต่างจังหวัดทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเดินทางไปยังที่ตั้งข้ามจังหวัดที่ตั้งร้านค้า โดยวงเงินดังกล่าวถูกนำไปใช้ค่าสินค้าร่วมโครงการด้วยลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ ด้วยแอปฯถุงเงินกว่า 3 แสนกว่ารายการ ทำให้ผู้มีสิทธิเดือดร้อน และย้ำว่า ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ ผู้สูงอายุ สามารถมอบอำนาจให้ดำเนินการแทนได้ ส่วนเหตุผลที่สแกนไม่ผ่านนั้น ทำให้ต้องคืนสินค้า สาเหตุเกิดจากขั้นตอนจากการสแกน ชี้แจงว่า อาจจะเกิดจากมีแสงสว่างมากเกินไป ดังนั้น เพื่อป้องกันปัญหา ที่ไม่สามารถสแกนใบหน้าผู้มีสิทธิได้ ขอให้ร้านค้าดำเนินการดังนี้ 1.ขอให้ผู้มีสิทธิ ยืนตำแหน่งของร้านค้า ที่มีแสงสว่างเหมาะสม ไม่ยืนย้อนแสง ไม่มีเงาตกกระทบบนใบหน้า 2.ให้ผู้มีสิทธิถอดแว่นตา หมวก หน้ากากอนามัยออก เก็บผมไว้หลังใบหูขณะทำรายการ 3.ให้ใบหน้าผู้มีสิทธิอยู่ในกรอบ มองตรง ไม่เอียงศีรษะ ไม่ขยับหน้าไปมา * ผู้มีสิทธิจะต้องเก็บรักษาบัตรประชาชน และรหัสคู่บัตร (PIN Code) 6 หลัก ไว้ในที่ที่ปลอดภัย ขอบคุณข้อมูลจาก กรมบัญชีกลาง The Comptroller General’s Department