สพฐ.เผยผลสรุป ผอ.โรงเรียนหวงเก้าอี้ มีความผิดจริง แต่ผิดวินัยไม่ร้ายแรง

วันที่ 28 มี.ค. 2567 เวลา 17:00 น.

สพฐ.เผยผลสรุป ผอ.โรงเรียนหวงเก้าอี้ มีความผิดจริง แต่ผิดวินัยไม่ร้ายแรง เนื่องจากการพูดจาที่ไม่ดี ทำร้ายจิตใจทำให้ทุกคนได้รับความทุกข์ใจไม่สบายใจ เตรียมลงดาบทางวินัย ให้โอกาสปรับทัศคติ เป็นเวลา 60 วัน ถ้าทำไม่ได้ โดนย้ายไปทำหน้าที่อื่น . วันที่ 28 มีนาคม 2567 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ดำเนินการติดตามและตรวจสืบข้อเท็จจริงเชิงลึก ในกรณีผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดร้อยเอ็ดไม่พอใจที่ครูในโรงเรียนนั่งเก้าอี้ของตน และสั่งการให้เจ้าหน้าที่โรงเรียนจัดซื้อเก้าอี้ใหม่มาทดแทน โดย สพฐ. ได้สั่งการ ผอ.เขตพื้นที่ เร่งสืบสวนข้อเท็จจริงและรายงานผลต่อ สพฐ. ภายใน 7 วัน นั้น . ว่าที่ร้อยตรี ธนุ กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าว หลังจากมีคำสั่งให้ผู้อำนวยการโรงเรียน มารายงานตัวและปฏิบัติราชการที่เขตพื้นที่โดยทันที เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการสืบสวน รวมทั้งให้ความคุ้มครองครู และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ล่าสุด ทาง สพป.ร้อยเอ็ด เขต 1 ได้รายงานผลการสืบสวนข้อเท็จจริง พบว่า พฤติกรรมดังกล่าวของผู้อำนวยการโรงเรียน ถือเป็นกรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาว่า กระทำผิดวินัยไม่ร้ายแรง ตามมาตรา 88 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 เนื่องจากการพูดจาที่ไม่ดี ทำร้ายจิตใจทำให้ทุกคนได้รับความทุกข์ใจไม่สบายใจ มีความผิดจริง แต่ยังไม่ถือว่าผิดวินัยร้ายแรง จึงให้โอกาสด้วยการปรับทัศคติ ให้แก้ไขทั้งเรื่องการบริหารงาน การใช้อำนาจ โดยเฉพาะการใช้คำพูด โดยให้กำหนดระยะเวลา 60 วัน หากยังไม่ปรับปรุงต้องไปทำหน้าที่อื่น ซึ่งเทียบเท่ากับตำแหน่งเดิม ซึ่งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 1 จะเป็นผู้ประเมินต่อไป ขณะเดียวกัน สพป.ร้อยเอ็ด เขต 1 ยังต้องตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างของผู้อำนวยการรายนี้ว่ามีการดำเนินการที่ส่อไปในทางทุจริตเรื่องอื่นด้วยหรือไม่ ทั้งนี้ สพป.ร้อยเอ็ด เขต 1 โดยกลุ่มกฎหมายและคดี ได้สรุปผลการสืบข้อเท็จจริง พบว่า มีมูลที่ควรกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยไม่ร้ายแรง จึงแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างไม่ร้ายแรง และจะดำเนินการทางวินัยกับบุคคลดังกล่าวต่อไป