คดีพลิก! สาวไทย อ้างถูกชายชาวจีน ใส่ร้ายว่าขโมยบัตรไปรูดซื้อทอง ล่าสุด ยอมสารภาพแล้ว ขโมยบัตรจริง

วันที่ 27 มี.ค. 2567 เวลา 16:05 น.

คดีพลิก! สาวไทย ร้องสายไหมต้องรอด อ้างถูกชายชาวจีน ใส่ร้ายว่าขโมยบัตรเครดิตไปรูดซื้อทอง ล่าสุด ยอมสารภาพแล้ว ได้ขโมยบัตรของคนจีนจริง โดยนำไปรูดซื้อทองและแลกเอาเงินไปจริง ขอโทษสังคมที่โกหก จากกรณีนาย Mu Dihui Wu Dihui  อายุ 33 ปี สัญชาติจีน มาแจ้งความที่ สภ.บางละมุง ว่ามีสาวไทยไม่ทราบชื่อและนามสกุล  ซึ่งรู้จักผ่านแอปฯ โดยรู้จักที่ กทม. ได้ประมาณ 6-7 วัน ก่อนผู้หญิงชักชวนให้มาท่องเที่ยวที่เมืองพัทยา โดยพักภายในซอยเขาตาโล ซึ่งระหว่างนอนพักในห้องพักได้มี SMS เข้ามาในมือถือแจ้งว่ามีเงินสดจำนวน 32,815 บาท ถูกใช้ในการซื้อสร้อยคอทองคำ 2 ครั้ง ส่วนตัวผู้หญิงสาวได้หายไป จึงได้มาแจ้งความลงบันทึก เพื่อป้องกันไม่ให้หญิงสาวคนดังกล่าวนำบัตรไปทำความเสียหายอีก  ต่อมา นางสาว บี นามสมมุติ ผู้ที่ถูกชายชาวจีนกล่าวอ้าง ได้ไปร้องขอความเป็นธรรมกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ว่าที่คนจีนเข้าแจ้งความและมีข่าวลงไม่เป็นความจริง เป็นหนังคนละม้วน โดยอ้างว่าคนจีนเป็นคนออกอุบายให้ไปรูดเงินสดที่ร้านทองร้านนี้เอง เมื่อได้เงินก็เดินนำเงินมาให้คนจีนทุกบาททุกสตางค์  จากนั้นคนจีนก็พยายามจะข่มขืน แต่เธอไม่ยอม ก่อนจะหนีมามาขอความช่วยเหลือ จากวิน จยย.จึงพาเธอมาส่งขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้าน ความคืบหน้าล่าสุด  พ.ต.อ.นาวิน สินธุรัตน์ ผกก.สภ.บางละมุง มอบหมายให้ พ.ต.ท.กรณ์พงษ์  สุขวิสิฏฐ์   รอง ผกก.สส.สภ.บางละมุง เจ้าหน้าที่สืบสวน ได้นำหมายจับ น.ส.ดาริญรัชต์ อายุ 31 ปี ผู้ที่ถูกชายชาวจีนกล่าวอ้าง ในความผิดฐาน “ลักทรัพย์ เอาไปเสียซึ่งเอกสารใดของผู้อื่นใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นซึ่งได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้โดยมิชอบ เพื่อใช้ประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการหรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสดหรือใช้เบิกถอนเงินสด ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” จากนั้นได้ควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.บางละมุง  โดย น.ส.ดาริญรัชต์ ผู้ที่ถูกชายชาวจีนกล่าวอ้าง ยอมรับสารภาพว่า ได้ขโมยบัตรของคนจีนจริง โดยนำไปรูดซื้อทองและแลกเอาเงินไปจริง ซึ่งตนก็ขอโทษกับสังคมกับสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนที่คนจีนบอกว่าตนเองไม่ตรงปกนั้น ตนเองก็อยากบอกว่า คนจีนก็ไม่ตรงปก ซึ่งเขาก็ไม่มีผมแต่ตนเองก็ไม่ได้โฟกัสเรื่องนี้ เพราะไม่คิดอะไร แค่คุยเป็นเพื่อนกัน Comment: