พบร่างโกหมาส เจ้าของสนามชนไก่ชุมพรแล้ว ถูกฝังกลางป่าบางขัน นครศรีธรรมราช
วันที่ 27 มี.ค. 2567 เวลา 09:50 น.
ตำรวจสืบภาค 8 พบร่าง โกหมาส เจ้าของสนามชนไก่ชุมพรแล้ว ถูกฝั่งกลางป่าบางขัน นครศรีธรรมราช ร่างถูกมัดแน่น พบข้อมูลทีมสังหารแล้ว โกหมาส ช่วงค่ำวานนี้(26 มี.ค.2567) พลตำรวจตรีนภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผู้บังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ร่วมกับตำรวจชุดสืบสวน สามารถระบุพิกัดจุดฝังศพของนายขนบ สมหวัง หรือ “โกหมาส” อายุ 56 ปี เจ้าของสนามชนไก่ ต.สวี อ.สวี จ.ชุมพร โดยสืบสวนพบข้อมูลว่าคนร้ายได้นำศพมาฝังบริเวณใกล้ต้นไม้ใหญ่ท้ายสวนปาล์มบนหุบเขาบริเวณ หมู่ 2 ต.บ้านลำนาว รอยต่อกับ หมู่ 11 ต.บางขัน อ.บางขัน เจ้าหน้าที่ใช้เวลาตลอดทั้งวันในการค้นหากระทั่งพบจุดต้องสงสัยจึงทำการเปิดดินจากร่องรอยคล้ายถูกขุดกลบจนพบมีกลิ่นโชยออกมากจึงมั่นใจว่าเป็นศพจึงมีการขุดค้นเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยการขุดค้นเจ้าหน้าที่มูลนิธิสยามร่วมใจปู่อินทร์ ได้เข้าทำการขุดโดยมีเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าคอยเก็บหลักฐานที่พบอย่างละเอียด กระทั่งสามารถกู้ศพขึ้นมาได้ สภาพยังมีเชือกมัดเท้า มัดมือไพล่หลัง มีเทปกาวพันบริเวณใบหน้า สวมกางเกงยีนสีน้ำเงินขาสามส่วน ช่วงกลางลำตัวเปื่อยยุ่ย สันนิษฐานว่าจะถูกน้ำกรดเข้มข้นตามที่พบหลักฐานแกลลอนก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่จึงเร่งกู้ศพโดยแพทย์เวรชันสูตร รพ.บางขัน นครศรีธรรมราช ต้องส่งศพไปยังศูนย์นิติเวช รพ.มหาราช นครศรีธรรมราช เพื่อชันสูตรอย่างละเอียด รวมทั้งพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลให้ชัดเจน พลตำรวจตรีสมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช กล่าวว่า แม้จะเชื่อว่าเป็นศพของนายขนบก็ตาม แต่ขั้นแรกหลังพบศพ เจ้าหน้าที่ต้องระบุอัตลักษณ์บุคคลให้ชัดเจน และชันสูตรสาเหตุการตาย ส่วนทางคดีนั้นต้องดำเนินการเชื่อมโยงกันทั้งชุมพร นครศรีธรรมราช และจุดพบรถริมฝั่งโขงต่อเนื่องกัน สำคัญคือจะต้องระบุพื้นที่ก่อเหตุที่ทำให้ตายนั้นเกิดขึ้นที่ไหนอย่างไร ขณะที่ชุดสืบสวนรายหนึ่งเปิดเผยข้อมูลว่า ทีมสังหารนายขนบหรือโกหมาสนั้น แท้ที่จริงเจ้าหน้าที่ได้จับกุมก่อนหน้านี้หมดทั้ง 3 คนแล้ว เป็นคนในพื้นที่อำเภอทุ่งสง อำเภอบางขัน แต่เป็นคดีอื่นเช่น พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ คดีลักทรัพย์ และคดียาเสพติด คดีที่ถูกจับนั้นได้ถูกประกันตัวไปแล้วทั้งหมด ส่วนคดีลักพาตัวและฆาตกรรมนั้นไม่สามารถออกหมายจับได้ในขณะนั้น เนื่องจากไม่มีศพ แต่หลังจากพบศพแล้วพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องจะได้ขอศาลออกหมายจับกุมเพิ่มเติม ส่วนซากรถที่พบก่อนหน้านี้ เชื่อว่าเป็นรถที่ใช้ก่อเหตุและบรรทุกศพ อาจมีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะเลือดจำนวนมาก จึงถูกรื้อทำลายแยกส่วน ส่วนที่เผาได้จึงถูกเผาเพื่อทำลายหลักฐาน