สว.เตือนครั้งที่ 6 ให้หยุดโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
วันที่ 25 มี.ค. 2567 เวลา 16:23 น.
สว.สมชาย เตือนรัฐบาลเศรษฐา อย่าฝืนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เพราะตำน้ำพริกละลายแม่น้ำได้ไม่คุ้มเสีย มีตัวอย่างจากโครงการรับจำนำข้าว และควรนำเงินมาใช้อย่างอื่นดีกว่าการแจก วันนี้ (25 มี.ค.67) ในการประชุมวุฒิสภา เปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ นายสมชาย แสวงการ สว. ย้ำ โครงการดิจิทัล Wallet เป็นโครงการที่ได้ไม่คุ้มเสีย ที่ผ่านมาสว.เคยอภิปรายให้ข้อเสนอแนะโครงการนี้กับรัฐบาลไปแล้วห้าครั้ง ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่หก ซึ่งในจำนวนห้าครั้งที่ผ่านมารัฐบาลไม่ฟังคำชี้แนะ และดึงดันที่จะเดินหน้าโครงการนั้นต่อไป เหมือนเช่นอดีต โครงการรับจำนำข้าวจนท้ายที่สุดแล้วสร้างความเสียหายรัฐมนตรีหลายคนติดคุกนายกนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นต้องหนีออก ไปต่างประเทศ ดังนั้นจึงขอเตือนด้วยความหวังดี รัฐบาลอยากตำน้ำพริกละลายแม่น้ำเพราะไม่เกิดกับประชาชนและสุ่มเสี่ยงที่จะถูกคดีความด้วย นายสมชาย เชื่อว่านายกรัฐมนตรี จะได้ตั้งสติรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่เตือนมาตลอดเวลา หวังว่านายกรัฐมนตรีจะเป็น ซีอีโอ ในการบริหารประเทศ ส่วนเรื่องกระบวนการยุติธรรมที่หลายคนร้องเรียนว่าเป็นกระบวนการยุติธรรมแบบสองมาตรฐาน นายกรัฐมนตรี มีส่วนรับผิดชอบสำคัญในฐานะหัวหน้ารัฐบาล และประธานคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ คุมโรงพยาบาลตำรวจ คุมกระทรวงยุติธรรม มีประชาชนหลายคนมองว่ากระบวนการยุติธรรมไร้มาตรฐาน มีนักโทษนับ 100,000 คน อยู่ในเรือนจำ หลายคน ฝากตนเองมาว่าให้ช่วยกันแก้ไขเรื่องนี้ แม้ว่านายกรัฐมนตรีจะย้ำว่าทุกอย่างดำเนินการตามกฎหมายหลักนิติรัฐนิติธรรม แต่ก็มีหลายคนที่ท้วงติงเรื่องการดำเนินการของรัฐบาล โดยเฉพาะกรณีของนายทักษิณชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี ที่กรมราชทัณฑ์ให้เหตุผลว่านายทักษิณมีอาการป่วย ด้วยหลายโรคจึงจำเป็นต้องรักษาตัวอยู่นอกเรือนจำ เมื่อครบ 125 วัน อนุมัติให้ออกจากโรงพยาบาลมาคุมตัวอยู่ที่บ้านได้ และสามารถเดินทางออกนอกบ้านไปจังหวัดต่างๆได้โดยที่ไม่มีอาการเจ็บป่วยอย่างที่กรมราชทัณฑ์กล่าวอ้าง ดังนั้นนายกรัฐมนตรีรวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมจะต้องชี้แจงเรื่องนี้ให้ประชาชนคลายความสงสัยให้ได้