เจ้าบ่าวถูกแทงดับก่อนเข้าพิธีวิวาห์เพียง 1 วัน

วันที่ 18 มี.ค. 2567 เวลา 20:50 น.

สุดเศร้า! ว่าที่เจ้าบ่าว วัย 29 ปี ถูกแทงเสียชีวิตในงานบุญ ก่อนเข้าพิธีวิวาห์กับว่าที่เจ้าสาว อายุ 40 ปี เพียงแค่ 1 วัน หลังคบหาได้ 8 เดือน  วันนี้ ( 18 มี.ค.67) ภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกภาพ กลุ่มคนต้องสงสัย ขี่รถจักยานยนต์และรถยนต์ ก่อเหตุทำร้าย นายอัฉริยะ อายุ 29 ปี ชาวบ้านมุกดาหาร เสียชีวิตในงานบุญประจำปี ที่จัดภายในวัดบ้านนาป่งโพน ตำบลโพนทราย อำเภอเมืองมุกดาหาร ขณะกำลังจะเดินทางกลับบ้าน มีกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 10 กว่าคน กรูเข้ามารุมล้อมตัวนายอัฉริยะ และรุมทำร้ายจนล้มลง ก่อนที่กลุ่มวัยรุ่นจะใช้ไม้ ขวด เข้าทำร้าย แม้ว่าแฟนสาว ของนายอัจฉริยะ จะพยามเข้าไปห้าม แต่ไม่เป็นผลผู้ก่อเหตุใช้เวลานานกว่า 10นาที ก่อนจะแยกย้ายกันหลบหนี พบว่านายอัฉริยะ ถูกมีดแทงด้านหลัง1 แผล คนที่เห็นเหตุการณ์รีบนำส่งโรงพยาบาลมุกดาหาร ก่อนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา สอบถาม น.ส.แช่มซ้อย  อายุ 40 ปี แฟนของนายอัจฉริยะ เผยว่า ตนเองกับผู้เสียชีวิตคบหากันมาประมาณ 8 เดือน ก่อนหน้านี้ต่างคนต่างมีครอบครัวแต่ได้เลิกราหมดแล้ว โดยตนเองและผู้เสียชีวิตได้ตกลงกันจะผูกข้อ ต่อแขน สู่ขวัญเหมือนการแต่งงานเล็ก ๆ มีกำหนดการในเช้าวันที่ 15 มีนาคม 67 เวลา 09.00 น. แต่เหตุการณ์เกิดขึ้น ในคืนวันที่ 14 มีนาคม ซึ่งมีงานบุญประจำปี ห่างจากบ้าน พักประมาณ 4 กิโลเมตร โดยก่อนกลับบ้าน มีชายวัยรุ่นอายุประมาณ 20 ปี เดินมาถามว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า ซึ่งทางแฟนของเดินตามไป เพราะเป็นทางเดียวกัน กับที่จอดรถยนต์ไว้ พอเดินไปประมาณไม่ถึงนาที ก็มีกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายร่างกาย ตนเองพยามเข้าห้ามแต่ถูกลากออกมา ต่อมากลุ่มวัยรุ่นประมาณ 10 คนได้แยกกันหลบหนี มีเพียงแฟนของตนเองที่นอนจมกองเลือด จึงนำส่งโรงบาลมุกดาหาร และเสียชีวิตในเวลาต่อมา เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความเสียใจให้กับตนเองและครอบครัวเป็นอย่างมาก เพราะแฟนมาเสียชีวิตในวันที่จะเข้าพิธีแต่งงานพอดี จึงอยากวอนให้คนที่มีคลิปและมีภาพหลักฐานที่แฟนของตนเองถูกทำร้ายส่งให้เจ้าหน้ที่ตำรวจ สภ.มุกดาหาร หรือติดต่อมาทางตนเองและญาติได้เลยจะขอบพระคุณอย่างยิ่ง ด้าน ร.ต.อ.ขันทอง อินทร์ผิว รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองมุกตาหาร เปิดเผยว่าหลังจากเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ลงพื้นพร้อมกับได้เชิญตัวบุคคลในที่เกิดเหตุและกลุ่มวับรุ่นต้องสงสัยมาสอบปากคำเพื่อที่จะติดตามคนก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป