ขอโทษให้เด็กแก้ผ้า-แข่งแต่งตัว อ้างเพื่อพัฒนาการเด็ก

วันที่ 12 มี.ค. 2567 เวลา 06:24 น.

เช้านี้ที่หมอชิต - มีคำชี้แจงออกมาจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ จังหวัดสุรินทร์ หลังมีประเด็นดรามาจัดกิจกรรมให้เด็กอนุบาลแก้ผ้า เพื่อแข่งขันสวมชุดด้วยตัวเอง อ้างเพื่อพัฒนาการของเด็ก หลังคุณพ่อท่านหนึ่ง โพสต์ขอคำปรึกษาผ่านกลุ่มเฟซบุ๊กชื่อ "จิตวิทยาเด็กและครอบครัว ปรึกษาเรื่องเลี้ยงลูก" หลังจากลูกสาวถูกจับขึ้นไปบนเวที เพื่อร่วมแข่งขันใส่เสื้อผ้า โดยเด็กผู้ชายต้องแก้ผ้าล่อนจ้อน ส่วนเด็กผู้หญิงต้องถอดเสื้อ เหลือแต่กางเกงใน ต่อหน้าผู้ปกครองและคนอื่น ๆ นับร้อยชีวิต แต่ที่น่าตกใจก็คือมุมมองต่อกิจกรรมสุดแปลกดังกล่าว ซึ่งพบว่าผู้ปกครองส่วนใหญ่กลับเห็นด้วยกับกิจกรรม พร้อมขึ้นแฮชแท็กคำว่า "#SAVEครู" ในขณะที่ผู้ปกครองส่วนน้อยและโซเชียลได้ตั้งคำถามต่อกรณีนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะกิจกรรมที่มีความอ่อนไหวและอาจเข้าข่ายละเมิดสิทธิเด็ก นายเฉลิมพล พวงศิริ ผอ.กองการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม อบต.นอกเมือง ชี้แจงในเรื่องนี้ว่า กิจกรรมการแต่งกายเป็นหลักสูตรที่ต้องการเด็กนักเรียนทุกคน ต้องแต่งกายและช่วยเหลือตนเองได้ ทางครูผู้สอนจึงนำมาประยุกต์ใช้ในการแข่งขัน โดยมีศูนย์เด็กเล็กแข่งขัน 6 แห่ง และกิจกรรมนี้จัดทำต่อเนื่องกันมาหลายปี แต่ปีนี้มีศูนย์เด็กเล็ก 2 แห่ง เพิ่งเข้าร่วมแข่งขัน จึงไม่เข้าใจบริบทที่เกิดขึ้น เบื้องต้นรายละเอียดกิจกรรมจะให้นักเรียนชายใส่กางเกงบ๊อกเซอร์ และนักเรียนหญิงใส่กางเกงขาสั้น แต่นักเรียนหญิงที่เข้ามาแข่งขันตัวจริงไม่มา จึงให้คนอื่นมาแข่งแทน แล้วไม่ได้เตรียมกางเกงขาสั้นมา จึงใส่เพียงผ้าอ้อมเด็กเพียงชิ้นเดียว หลังเกิดเหตุพยายามติดต่อพ่อแม่เด็ก แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงอยากให้ผู้ปกครองเด็กที่เกิดความไม่สบายใจช่วยติดต่อเข้ามา ซึ่งทางเรายินดีจะขอโทษ และทำความเข้าใจต่อไป ด้าน นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม และอดีตผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติ เพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์เฟซบุ๊กบางช่วงถึงกิจกรรมดังกล่าวว่า ไม่เหมาะสมอย่างแน่นอน เป็นการละเมิดสิทธิ์ บนความสนุกสนานที่ไม่เข้าท่า ระดับชั้นเรียนอนุบาล ไม่ควรจัดการแข่งขันแพ้ชนะใด ๆ เพราะเด็กไม่เข้าใจการแข่งขัน และอาจรู้สึกเสียใจที่เป็นผู้แพ้ การละเล่นใด ๆ ที่ผิดหลักจิตวิทยาพัฒนาการ แถมนำมาแข่งขันต่อหน้าสาธารณะ เช่น แก้ผ้าเด็ก เป็นเกมที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง และอาจสร้างความเข้าใจที่ผิด ๆ บนกาลเทศะที่ไม่เหมาะสม รวมถึงความเข้าใจของพ่อแม่ บนคำว่า "สนุกสนาน เพลิดเพลิน อย่าคิดมาก" ต้องทำความเข้าใจประเด็นที่อ่อนไหว ทั้งการถ่ายภาพ เก็บภาพ และนำเผยแพร่สู่สื่อสาธารณะ จะเป็นการละเมิดสิทธิเด็กซ้ำสอง เมื่อลูกเติบโตขึ้นมา อาจเป็นบาดแผลในใจได้ โดยลูกไม่ใช่ทรัพย์สมบัติของพ่อแม่ ที่อยากจะทำอะไรก็ได้ ขณะที่กรณีเดิมยังไม่จาง ล่าสุดมีอีก คราวนี้เป็นคุณแม่ท่านหนึ่งโพสต์ปรึกษาในกลุ่ม "จิตวิทยาเด็ก ปรึกษาเรื่องการเลี้ยงลูก" หลังมีการจัดหลักสูตรอบรมทำ CPR ซึ่งมีการให้เด็กถอดเสื้อร่วมสาธิต แถมยังใช้วิธีเขี่ยจุกตรงหน้าอก เพื่อประเมินความรู้สึกตัวของผู้ป่วยอีก โดยคุณแม่ระบุว่า ระหว่างบุคคลภายนอกเข้ามาอบรมทำ CPR เด็กระดับชั้น ป.4 ถึง ป.6 มีการให้เด็กไปนอนสาธิตเป็นผู้ป่วยหมดสติ แต่ที่น่าตกใจคือให้เด็กถอดเสื้อออก เพื่อปั๊มหัวใจ รวมถึงให้เด็กสังเกตสีจุก (หัวนม) ว่า จะมีสีแบบไหน และให้แตะจุกว่าตั้งหรือไม่ เพื่อดูการตอบสนอง ส่วนการอบรมช่วยคนจมน้ำ ต้องให้เด็กถอดเสื้อ ถอดกระโปรง และกางเกงในออก พร้อมแปะเทปกาวที่จุดของลับของเด็ก อ้างว่า กรณีเป็นลมเพราะอากาศ ต้องให้สบายตัว ไม่อึดอัด แล้วกดตรวจชีพจรที่ขาหนีบ ซึ่งสมาชิกโซเชียลหลายคน รวมถึงคุณหมอ มองว่า ไม่น่าจะใช่การอบรม CPR ที่ถูกวิธี ทีมข่าวจึงได้สอบถามไปยัง นายสราวุฒิ หัวหน้ากู้ภัยฉะเชิงเทรา จุดบางคล้า แสดงความเห็นว่า ปัจจุบันการอบรมทำ CPR ปกติจะใช้หุ่นในการสาธิต เพราะสามารถประเมินได้ว่า เรากดลึกมากเกินไปหรือไม่ ส่วนการประเมินความรู้สึกตัวของผู้ป่วย ด้วยการแตะจุก (หัวนม) ไม่มีอยู่ในระบบการแพทย์ฉุกเฉิน โดยการประเมินความรู้สึกตัวทำได้หลายแบบ เช่น เรียกผู้ป่วย หรือ หยิกที่หน้าอก เป็นต้น