ชาวบ้านรวมตัวร้องเพลงชาติที่บันได ไล่ชาวต่างชาติกร่าง

วันที่ 4 มี.ค. 2567 เวลา 06:22 น.

เช้านี้ที่หมอชิต - จากกรณีฝรั่งเตะแพทย์หญิงไล่พ้นบันไดวิลลา เมื่อวานนี้ ชาวภูเก็ตนัดแนะไปรวมตัวแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ เพื่อขับไล่ฝรั่ง "เดวิด" ที่ชายหาดใกล้บันไดจุดเกิดเหตุ เมื่อวานนี้ (3 มี.ค.) บรรยากาศที่บริเวณชายหาดยามู ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นบริเวณจุดเกิดเหตุแพทย์หญิงโดนชายชาวสวิตเซอร์แลนด์ ผู้เช่าวิลลาที่มีด้านหน้าติดกับชายหาด ทำร้ายร่างกายระหว่างนั่งดูพระจันทร์ และไล่ให้พ้นไปจากบันไดทางลงหาด ตั้งแต่ช่วงเช้าชาวบ้านในพื้นที่แหลมยามู และภายในจังหวัดภูเก็ต กว่า 500 คน เดินทางมาร่วมกิจกรรมตามที่มีการนัดหมายในโลกโซเชียล เวลา 09.00 น. และได้ถ่ายรูปกับบันไดที่เกิดเหตุ มีชาวบ้านที่มาร่วมกิจกรรมนำกระดาษ เขียนข้อความภาษาอังกฤษว่า Local people don’t want animal. มาถือตรงบันไดจุดเกิดเหตุ พร้อมกับร้องเพลงชาติร่วมกัน นายประสิทธิ์ วงศ์ขจร หนึ่งในชาวบ้านที่มาร่วมกิจกรรม บอกว่า เหตุการณ์นี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น จากการติดตามข่าวฝรั่งคนนี้ก็รู้สึกว่ามีพฤติกรรมที่ตนในฐานะที่เป็นคนในพื้นที่ยอมรับไม่ได้ ซึ่งชาวบ้านจำนวนมากสะท้อนว่า ชายหาดในจังหวัดภูเก็ตปัจจุบัน มีกลุ่มนายทุนมาซื้อที่ดินทำธุรกิจโครงการมักอ้างครอบครองกรรมสิทธิ์จนถึงหาด อ้างเป็นหาดส่วนตัว อยากให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องใช้โอกาสนี้ดำเนินการให้ถูกต้อง ให้เป็นพื้นที่สาธารณะ ที่ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกัน ส่วนพฤติกรรมของฝรั่งรายนี้ ยังถูกขุดขึ้นมาเผยแพร่เรื่อย ๆ อย่างล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก "อีซ้อขยี้ข่าว" โพสต์คลิปพร้อมข้อความว่า "ผัว-เมียเตะหมอภูเก็ตแช่ขวา ชูนิ้วกลางกร่างใส่รถกู้ชีพ...แต่ที่มันแซ่บไปกว่านั้นยังฟ้องกลับคู่กรณีเอาผิด พ.ร.บ.คอมพ์ กับรถพยาบาล ให้เหตุผลว่าผิดกฎจราจรโทษน้อยกว่าเพราะฉันรู้จักตำรวจใหญ่ ๆ ภูเก็ตหลายคน โดยคดีอยู่ที่ สภ.ถลาง -สภ.เชิงทะเล จังหวัดภูเก็ต" ว่าที่ร้อยตรี วิบูลย์ ฮ้อบุตร คนที่ขับรถกู้ชีพวันดังกล่าว เล่าว่า เหตุการณ์นี้ เกิดเมื่อ 25 ธันวาคม 2566 เวลาประมาณ 09.55 น. ขณะขับรถพยาบาลของโรงพยาบาลถลาง ไปสแตนบายศูนย์ฉีดวัคซีนที่ห้างโรบินสัน สาขาถลาง ขับมาตามถนนเทพกระษัตรี ขาเข้า จะไปจุดกลับรถวัดท่าเรือ มีชายชาวต่างชาติได้ขับขี่รถยนต์ ยี่ห้ออาวดี้ สีดำ ทะเบียนป้ายแดง จังหวัดภูเก็ต ปาดหน้า พร้อมลดกระจก ชูนิ้วกลางพร้อมกับคำหยาบคาย พร้อมกับทำมือเป็นปืนจ่อหัวใส่ เอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิป ก่อนขับรถแยกไปทางเชิงทะเล ว่าที่ร้อยตรี วิบูลย์ เกรงว่าจะได้รับอันตราย เพราะลักษณะข่มขู่ทำท่าปืนจ่อหัว จึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ถลาง จากนั้นหลังเลิกงานได้นำคลิปไปโพสต์ในเพจ "ขับรถอย่างนี้ต้องประจานภูเก็ต" แต่แล้วก็เกิดปรากฏการณ์แปลก ๆ เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2566 ร้อยเวร สภ.ถลาง ติดต่อมาบอกว่าคู่กรณีของตนเข้าแจ้งความที่ สภ.เชิงทะเล จึงนัดให้ไปเจอกันกันวันที่ 3 มกราคม ที่ผ่านมา โดยตนพาแฟนและพยานเพื่อไปไกล่เกลี่ย โดยห้องที่พูดคุยมีฝรั่งและภรรยากับร้อยเวร และอีกคนที่ไม่ทราบว่าเป็นใคร ตนจึงทราบว่าตนมีความผิดที่นำคลิปไปโพสต์ ก่อนแยกย้ายก็ขอโทษฝรั่งด้วยการยกมือไหว้ ฝรั่งก็รับไหว้และหันไปยกมือไหว้ทางแฟนฝรั่ง แต่เขาไม่ยกมือรับ แต่มองตนด้วยสายตาอาฆาตกลับมา ต่อมา เมื่อ 10 มกราคม 2567 ร้อยเวรของ สภ.เชิงทะเล ได้ติดต่อมาแจ้งเตือนว่าคู่กรณีต้องการให้ตนลบโพสต์ แต่ก่อนที่จะลบโพสต์ให้ตนแคปหน้าจอทั้งหมดที่โพสต์ไปแล้วกลับมาโพสต์ขอโทษอีกครั้งหนึ่ง ตนก็ทำตามที่ระบุ แต่ 11 มกราคม 2567 ไปรอเจอคู่กรณีที่ สภ.เชิงทะเล แต่ไปถึงไม่เจอคู่กรณี ขณะที่นั่งรอมีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามาถามว่าทำงานที่ไหน เงินเดือนเท่าไร มีลูกมีเมียไหม ก่อนที่ทางร้อยเวรออกมาแจ้งว่าให้ตนโพสต์ติดต่อกัน 7 วัน ถามว่าครบ 7 วันแล้ว เขาจะถอนแจ้งความหรือไม่ ทางร้อยเวรก็บอกว่าขึ้นอยู่กับความพอใจของคู่กรณี จากนั้นโทรศัพท์เบอร์เดิมก็โทรเข้ามาอ้างว่าเป็นผู้การ สั่งให้ตนเปลี่ยนเป็นทำคลิปโพสต์ขอโทษ 7 วัน ตนก็รับปาก 17 มกราคม 2567 ร้อยเวรได้นัดที่ สภ.เชิงทะเล อีกครั้ง อ้างว่าผู้กำกับต้องการพูดเคลียร์ โดยคู่กรณีมีทนายมาด้วย แต่การพูดคุยไม่ลงตัว โดยต้องการให้ตนโพสต์ขอโทษ แต่ข้อความที่ทนายพิมพ์มามีคำว่า "ต่อไปตนจะไม่โกหกและไม่ทำตัวแย่ ๆ แบบนี้อีก" ทาง ว่าที่ร้อยตรี วิบูลย์ กับภรรยาไม่ยินยอม เพราะไม่ได้โกหก จึงโต้เถียงกับคู่กรณีจนเดินออกจากห้อง จากนั้นก็เจอผู้กำกับ ทางผู้กำกับก็พูดกลับมาว่า ถ้าตนไม่โพสต์ตามนั้น จะต้องติดคุกประมาณ 3-4 ปี ตนก็ไม่ได้รู้กฎหมาย แล้วไปพูดกับแฟนตนว่าอยากอยู่คนเดียวเหรอ จากนั้น 27 กุมภาพันธ์ 2567 ทาง สภ.เชิงทะเล ประสานให้ตนไปรับทราบข้อกล่าวหา แต่ตนมีภารกิจด่วนจึงไม่ได้ไป โทรหาร้อยเวร 2 สาย ไม่รับ ส่งไลน์ไปหาก็ไม่เปิดอ่าน ถึงตอนนี้หวั่นว่าจะมีความผิดใด ๆ หรือไม่ โดย ว่าที่ร้อยตรี วิบูลย์ ยืนยันว่าถึงตอนนี้ตนไม่ได้รับการชดเชยเยียวยาใด ๆ จากคู่กรณี ซึ่งล่าสุดทางร้อยเวร สภ.ถลาง เจ้าของคดี แจ้งว่าได้ประสานไปยัง สภ.เชิงทะเล เพื่อนัดให้พูดคุยหาทางออกกันต่อไป ซึ่งสำหรับรถยนต์หรูยี่ห้ออาวดี้ป้ายแดง รุ่น RS Q8 Quattro ที่ฝรั่งคนดังกล่าวขับในวันก่อเหตุ มีการตรวจสอบราคานำเข้า ประมาณ 10.8 ล้านบาท ขณะที่ เทศบาลป่าคลอก ภูเก็ต รุกคืบลุยสั่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรุกชายหาดของวิลลาแหลมยามูอีก 2 จุด หลังจากที่นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลป่าคลอก มอบหมายให้นิติกรเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ถลาง เมื่อ 29 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ให้ดำเนินคดีกับ บริษัท ภูเก็ต เพ็นนินซูล่า เอสเตท จำกัด ปรากฏชื่อ นายมิลอส โคชาโนวิค เป็นกรรมการบริษัท เจ้าของโครงการวิลลา โดยพบว่ามีการก่อสร้างอาคารรุกล้ำพื้นที่สาธารณะ (ชายหาด) นอกเหนือจากบันไดคอนกรีตขั้นที่ 2-4 ที่เป็นจุดเกิดเหตุการณ์ฝรั่งเตะไล่แพทย์หญิงเพิ่มเติม ประกอบด้วย 1.แนวบันไดไม้ ขนาดกว้างประมาณ 1.23 เมตร ยาว 4.70 เมตร จำนวน 1 แห่ง 2.ลานนั่งเล่นไม้ ขนาดกว้างประมาณ 4.80 เมตร ยาว 4.70 เมตร จำนวน 1 แห่ง 3.แนวบันไดคอนกรีต ขนาดกว้างประมาณ 3.38 เมตร ยาว 1.60 เมตร จำนวน 1 แห่ง 4.แนวกำแพงกันดินหินกล่อง สูงประมาณ 1.00 เมตร ยาว 18.90 เมตร เพื่อให้มีการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งภายใน 30 วัน นับจากวันที่มีการแจ้งความดำเนินคดี ผู้ถูกร้องสามารถอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้ แต่ถ้าไม่อุทธรณ์คำสั่งภายใน 30 วัน และไม่มีการรื้อถอน ทางเทศบาลจะเข้าไปดำเนินการรื้อถอนเอง ในขณะที่ยังมีการขุดว่า ที่ดินของโครงการวิลลา แหลมยามู เลขที่ 3411 แหลมยามู ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 ก. ใครคือเจ้าพนักงานที่ดิน ที่เป็นผู้เซ็นออกเอกสารสิทธิให้ ปรากฏว่า ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย ไปขุดค้นพบว่าชื่อ นายสิทธิชัย ซึ่งจากรายงานของสำนักข่าวอิศรา เมื่อ 26 สิงหาคม 2562 ระบุว่า นายสิทธิชัย ถูกไล่ออกจากราชการและมีประวัติพัวพันกับคดีการออกเอกสารสิทธิ บนเกาะนาคาน้อย ที่ต่อมากรมที่ดิน สั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) และลงโทษไล่ออกข้าราชการกรมที่ดิน 6 ราย หนึ่งในนั้นคือ นายสิทธิชัย คนเดียวกับที่เซ็นออกเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก. บริเวณแหลมยามู ที่ดินของวิลลาแปลงนี้ ในฝ่ายการเมืองมีความเคลื่อนไหว เมื่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุว่า ได้มอบหมายให้อธิบดีกรมการปกครอง ประสานผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เร่งแก้ปัญหาเรื่องการปราบแก๊งมาเฟีย หรือผู้มีอิทธิพลชาวต่างชาติในพื้นที่โดยด่วน โดยกำชับเรื่องนี้ไปแล้วเมื่อ 2 มีนาคม ที่ผ่านมา ได้หารือกับอธิบดีกรมการปกครอง ซึ่งกระทรวงมหาดไทยจะต้องไปจัดระเบียบ และที่ได้คุยกับ สส.ธนกร วังบุญคงชนะ ซึ่งไปลงพื้นที่ภูเก็ต แล้วเสนอว่าอยากให้กระทรวงมหาดไทยไปดูในพื้นที่ เพราะมีลักษณะคล้ายมาเฟียชาวต่างชาติ ซึ่งเดิมเข้าใจว่าเข้ามาเพื่อหากินกับนักท่องเที่ยวชาติของเขา แต่ไป ๆ มา ๆ ชักจะรุกล้ำบานปลายเข้าไปใหญ่ ซึ่งเรื่องนี้นายอนุทินทิ้งท้ายว่า ไม่ต้องถึงมือนายชาดา อนุทินคนเดียวก็เอาอยู่ ให้นายชาดาดูผู้มีอิทธิพลคนไทยไป