ลูกหนี้หอบลูกเมียนอนป้ายรถเมล์ พบประวัติกู้ซ้ำซาก รุดไกล่เกลี่ยอีกรอบ
วันที่ 28 ก.พ. 2567 เวลา 07:49 น.
ไกล่เกลี่ยอีกรอบ ลูกหนี้หอบลูกเมียนอนป้ายรถเมล์ พบประวัติกู้เงินซ้ำซาก กู้โปะกันไปมา พฤติการณ์คล้ายยืมมือโครงการช่วยเหลือของรัฐกดดัน ฝ่ายเจ้าหนี้แม้จะยกหนี้ 1.5 หมื่นบาทให้ แต่ไม่รอดข้อหา ความคืบหน้ากรณีเจ้าหนี้ตามทวงเงินถึงบ้าน ลูกหนี้หอบลูกเมียนอนป้ายรถประจำทาง หน้าศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง ช่วงค่ำวานนี้ (27 ก.พ.67) พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้เดินทางมาเพื่อประชุมและตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว พร้อมกับนายชุ้น ณัฐเดช กังสุกุล ปลัดจังหวัดนนทบุรี น.ส.วรรณี วุฒิฤทธากุล นายอำเภอเมืองนนทบุรี ซึ่งปรากฎข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.66 นายมนตรี อายุ 49 ปี พร้อมภรรยาได้เดินทางไปขอความช่วยเหลือจากศูนย์ไกล่เกลี่ยเงินกู้นอกระบบ ที่ว่าการอำเภอเมืองนนทบุรีไปแล้วครั้งหนึ่ง ในครั้งนั้นนายมนตรี ให้เหตุผลกับเจ้าหน้าที่ ว่าถูกเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบ โทรศัพท์มาขู่จะขับรถชนให้ตาย เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าดอกเบี้ยรายวัน เป็นการกู้เงินนอกระบบจากนายทุน 3 เจ้า รวมเป็นเงิน 3.6 หมื่นบาท ต่อมาทางอำเภอได้นัดไกล่เกลี่ย โดยมีเจ้าหนี้บางรายยอมยกหนี้ให้นายมนตรี เพราะไม่ต้องการให้เกิดปัญหา จนกระทั่งนายมนตรีมาตกเป็นข่าวอีกครั้ง เมื่อหอบลูกเมียหลบหนีเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบ มาอยู่ที่ป้ายรถประจำทางเพราะไม่กล้ากับเข้าบ้าน ทางด้าน พ.ต.อ.สมพล วงศ์ศรีสุนทร รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พร้อมด้วย พ.ต.ท.ภาสกร ไชยทวีวงศ์ รอง ผกก.สส. สภ.รัตนาธิเบศร์ ประสานเจ้าหนี้เงินกู้ตามที่นายมนตรีระบุมาสอบสวน ประเด็นการข่มขู่จะอุ้มนายมนตรีไปทำร้ายเพราะไม่จ่ายดอกเบี้ย โดยเจ้าหนี้ยืนยันว่า ไม่เคยพูดข่มขู่นายมนตรีเลยสักครั้งว่าจะทำร้าย เพียงแต่บอกว่ามีอะไรให้มาคุยกัน แต่นายมนตรีไม่ยอมมาเจรจา กลับไปกล่าวหาใส่ร้ายเจ้าหนี้ จนกลายเป็นข่าวใหญ่เดือดร้อนกันไปหมด ทั้ง ๆ ที่ตนก็เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป เจ้าหนี้เงินกู้ ระบุในวันที่นายมนตรีเข้ามาขอกู้ยืมเงิน 1.5 หมื่นบาท ได้พาลูกเมียมาด้วย อ้างว่าจะนำเงินไปเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว รับปากว่าสามารถหาเงินส่งรายวันได้ ตนจึงตัดสินใจให้นายมนตรีหยิบยืมเงิน ไม่คาดคิดมาก่อนว่านายมนตรีจะมีพฤติกรรมในลักษณะนี้ คือเมื่อหาเงินมาจ่ายให้ตามสัญญาไม่ได้ ก็ไปแจ้งไปร้องสื่อว่าถูกเจ้าหนี้ข่มขู่จะทำร้าย เรียกร้องความสนใจให้ทางเจ้าหน้าที่ ให้มาช่วยเหลือเจรจายกหนี้หรือยืดระยะเวลาการใช้หนี้ออกไป ซึ่งเรื่องนี้ในฐานะคนปล่อยเงินกู้ก็อยากให้ทางสังคมรับฟังด้วยใจที่เป็นกลาง พฤติกรรมแบบนี้ใครหัวหมอกว่ากัน เหมือนต้องการล้มหนี้ที่กู้ยืม หรือชักดาบ พ.ต.อ.สมพล กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าลูกหนี้รายนี้มีพฤติกรรมเที่ยวหยิบยืมเงินจากคนปล่อยกู้หลายเจ้า ลักษณะเหมือนกู้เงินโปะกันไปมา จนไม่สามารถหาเงินมาคืนได้ ก็จะร้องขอความช่วยเหลือจากสื่อมวลชน หรือบุคคลที่มีชื่อเสียง เพื่อให้มาช่วยเหลือเจรจากับคนปล่อยเงินกู้ จนได้รับการยกหนี้ให้ หรือยืดเวลาให้ผ่อนคืนเป็นรายเดือน แต่นายมนตรีก็ยังไม่เข็ดหลาบไปหากู้หยิบยืมจากคนปล่อยเงินกู้รายใหม่ๆ มาแทนอีก “พฤติกรรมในลักษณะนี้คล้ายยืมมือตำรวจกับฝ่ายปกครองไปกดดันเจ้าหนี้หรือคนปล่อยเงินให้กู้ยืม ทั้งที่รัฐบาลมีโครงการตลาดนัดแก้หนี้นอกระบบ เพื่อไม่ให้ฝ่ายเจ้าหนี้ไปติดตามทวงหนี้กับลูกหนี้ด้วยวิธีการที่ผิดกฏหมายต่าง ๆ โดยตั้งใจให้ลูกหนี้กับเจ้าหนี้ได้พูดคุยหาทางออกและเจรจาร่วมกันด้วยความเข้าใจ แต่กลับถูกลูกหนี้บางรายนำโครงการนี้มาใช้ผิดวัตถุประสงค์ผิดความตั้งใจของรัฐบาล” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากการสอบปากคำตำรวจได้แจ้งข้อหากับเจ้าหนี้นอกระบบ ฐานเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และดำเนินคดีตามกฎหมาย แม้ว่าทางเจ้าหนี้รายนี้จะยินยอมยกหนี้จำนวน 1.5 หมื่นบาท ให้กับนายมนตรีเพื่อตัดปัญหาไปแล้วก็ตาม