สกัดจับหญิงชาวญี่ปุ่น ขโมยรถกู้ภัย ขับหลบหนีไปหน้าตาเฉย

วันที่ 19 ก.พ. 2567 เวลา 07:07 น.

สนามข่าว 7 สี - ตั้งใจจะไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ แต่กลายเป็นตนเองต้องมาเดือดร้อนเสียเอง เมื่อจู่ ๆ ก็มีคนขโมยรถกู้ภัย ขับหลบหนีไปหน้าตาเฉย ดีที่สุดท้ายตามไปสกัดจับกุมเอาไว้ได้ ดูแล้วของข้างในก็ไม่มีอะไรหาย ใจความที่แปลภาษาญี่ปุ่นออกมาจากผู้หญิงคนนี้ เธอพูดว่า "พวกคุณโกหก ฉันจำเป็นต้องขึ้นรถคันนี้เพื่อไปช่วย "เขา" พวกคุณก็รู้กันไม่ใช่หรือไง" ตั้งแต่ที่หญิงคนนี้ ขโมยรถกู้ภัยของเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ขับออกมาจาก สน.ลุมพินี จนมาถึงที่วงเวียนใหญ่ แล้วถูกสกัดจับกุม ไม่เฉี่ยวชนรถของใครเลยแม้แต่คันเดียว แต่ตอนที่เจ้าหน้าที่จะจับกุม เธอก็ต่อสู้ดิ้นรนแบบสุด ๆ จนเจ้าหน้าที่ต้องมัดพันธนาการเธอไว้ ให้สงบสติอารมณ์ลงก่อน พอผู้ก่อเหตุเริ่มสงบ ก็สื่อสารกันผ่านการใช้โทรศัพท์มือถือช่วยแปลภาษา จับใจความได้ว่า เธอชื่อ "คาซูมิ" เป็นชาวญี่ปุ่น ไม่มีหนังสือเดินทาง จำเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในตัวมีเงินประมาณ 200-300 บาท และลอตเตอรี่อีก 1 ฉบับ และจากการสังเกตก็เห็นเหมือนเธอตื่นกลัว พยายามหนีอะไรบางอย่างด้วย พอพาตัวกลับมาสอบปากคำที่ สน.ลุมพินี ตำรวจก็ได้แยกผู้ต้องหากับผู้เสียหายไปสอบสวน โดย นายพิศุทธิ์ ชูเกลี้ยง เจ้าของรถกระบะที่ถูกขโมยไป เล่าให้ฟังว่า ก่อนที่รถจะหายไป ได้รับแจ้งว่ามีชาวต่างชาติรายหนึ่งได้รับบาดเจ็บอยู่ที่หน้า สน.ลุมพินี จึงขับรถคันนี้ไปจอดริมถนน แล้วรีบลงจากรถไปดูอาการคนเจ็บทั้งที่ยังไม่ทันดับเครื่องยนต์ เพียง 5 นาที หันมาอีกทีรถหาย เลยต้องแจ้งตำรวจ สน.ลุมพินี กับกลุ่มอาสากู้ภัยฯ ช่วยกันตามหารถ กระทั่งมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ ตามไปเจอรถคันที่ถูกขโมยขับหลงทางอยู่ที่ย่านวงเวียนใหญ่ กำลังจะวนรอบที่ 2 เป็นจังหวะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่ประจำจุดอยู่แถว ๆ นั้น ช่วยสกัดไว้ให้อีกแรง จึงตามเอารถคืนมาได้สำเร็จ ขณะที่ทีมงานอาสาสมัครกู้ภัย มูลนิธิร่วมกตัญญูประจำจุด สน.วัดพระยาไกร ที่ได้เข้าไปช่วยจับกุม ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า เป็นไปได้ว่าก่อนจะขโมยรถกู้ภัย หญิงคนนี้ได้พยายามจะขโมยรถตำรวจ แต่ไม่มีกุญแจสตาร์ตเครื่องยนต์ จึงหยิบเอกสารบางอย่างติดมือไปด้วย ก่อนจะเห็นรถของผู้เสียหายจอดติดเครื่องยนต์อยู่ ถึงได้ขับออกไปทันที ส่วนเรื่องการดำเนินคดียุ่งยากอยู่บ้าง เพราะเมื่อวานเป็นวันอาทิตย์ (18 ก.พ.) ไม่สามารถหาล่ามมาช่วยสื่อสารได้ ตำรวจบอกว่า หากสื่อสารกันรู้เรื่องแล้ว จะดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์ พร้อมประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ช่วยตรวจสอบข้อมูลของผู้ก่อเหตุต่อไป