หนุ่มสงขลา หลอกขายจักรยานยนต์ผ่านกลุ่มเฟซบุ๊ก พบประวัติก่อเหตุเพียบ
วันที่ 17 ก.พ. 2567 เวลา 09:57 น.
ตำรวจกองปราบ ตามรวบหนุ่มสงขลา หลอกขายจักรยานยนต์ผ่านกลุ่มเฟซบุ๊ก ก่อนเชิดเงินหนี โดนจับอ้างเพื่อนเอาเฟซบุ๊กไปใช้ ตรวจประวัติเจอหมายจับเพียบ หลอกขายในเฟซบุ๊ก (17 ก.พ.2567) ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร่วมกันจับกุม นายมนัสวีฯ อายุ 26 ปี ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเสียหายแก่ประชาชน” โดยจับกุมได้ที่บ้านพักคนงาน ไม่มีเลขที่ ในพื้นที่ ม.1 ต.คลองแห อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สืบเนื่องจากเมื่อปี 2565 ขณะที่ผู้เสียหายนั่งอยู่ที่บ้านเล่นเฟซบุ๊กอยู่ ได้พบว่าเพจมาร์เก็ตเพลส ซึ่งมีสมาชิกผู้ติดตาม 34,267 คนและเปิดสาธารณะซึ่งบุคคลทั่วไปสามารถมองเห็นได้ มีการลงขายรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า คลิก 125 สีขาว ในราคา 18,900 บาท โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ เอสเคซี วัยรุ่นสร้างตัว และเมื่อผู้เสียหายเห็นโพสต์สนใจที่จะซื้อ จึงได้ทักแช็ตเข้าไปสอบถามในข้อความของเฟซบุ๊กดังกล่าว แต่ไม่มีผู้ใดตอบ ต่อมาทางเฟซบุ๊กดังกล่าว ได้ตอบข้อความของผู้เสียหายโดยแจ้งว่า มีรถจักรยานยนต์ที่ผู้เสียหายสอบถาม ขายในราคา 18,900 บาท ผู้เสียหายได้สอบถามว่าขณะนี้รถจักรยานยนต์อยู่ที่ไหน จะดูรถได้อย่างไร และลดราคาได้อีกหรือไม่ ทางเฟซบุ๊กดังกล่าวแจ้งว่าตอนนี้รถดังกล่าวอยู่ที่ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ ลดราคาให้เหลือ 17,500 บาท และจะเป็นผู้จัดส่งให้ แต่มีข้อแม้ว่า ผู้ซื้อต้องวางเงินมัดจำ จำนวน 2,500 บาท โดยโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร ชื่อบัญชี มนัสวีฯ (บัญชีผู้ต้องหา) โดยแจ้งอีกว่าหากโอนเงินแล้วให้ส่งสลิปไปทางกล่องข้อความ ยืนยันว่า หากผู้เสียหายเห็นรถจักรยานยนต์แล้วไม่พอใจ ผู้ขายยินดีจะคืนเงินมัดจำพร้อมรับรถจักรยานยนต์คืน ผู้เสียหายจึงตอบตกลง ก่อนที่จะโอนเงินมัดจำ จำนวน 2,500 บาท ไปยังบัญชีดังกล่าว ขณะที่ผู้ขายก็แจ้งรับยอดและแจ้งว่าวันรุ่งขึ้นจะจัดส่งรถจักรยานยนต์ให้ทันที วันต่อมา ผู้ขายอ้างว่าต้องไปทำเล่มเขียวเพื่อโอนจากชื่อเจ้าของเดิมเป็นชื่อของผู้เสียหาย โดยผู้เสียหายจะต้องจ่ายค่าจัดทำเป็นเงิน 1,000 บาท พร้อมกับถ่ายรูปบัตรประจำตัวประชาชนหน้าและหลังส่งไปให้ ทางผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินอีกครั้ง ไปยังธนาคารเดิม(ของผู้ต้องหา) จากนั้นได้ส่งสลิปกลับไปแจ้งเช่นเดิม แต่ผู้ขายยังอ้างว่าจำนวนเงินดังกล่าวไม่พอทำเล่มเขียว ผู้เสียหายต้องจ่ายเพิ่มอีก 500 บาท เพื่อไปเอาเล่มเขียว ผู้เสียหายก็หลงเชื่อโอนไปอีกครั้งที่ธนาคารเดิมและได้แจ้งสลิปกลับไปทุกครั้ง คราวนี้ผู้ขายอ้างว่าได้รับยอดและแจ้งว่าจะจัดส่งรถจักรยานยนต์ในวันถัดไป ให้ผู้เสียหายรอรับรถจักรยานยนต์ที่บ้านได้เลย แต่แล้วเมื่อถึงกำหนด กลับไม่มีรถมาส่งตามที่กล่าวอ้าง ผู้เสียหายจึงทักไปหาผู้ขาย พบว่ามีการอ่านแต่ไม่ตอบ ก่อนจะไม่สามารถติดต่อได้ และเฟซบุ๊ก ได้ออกจากกลุ่มมาร์เก็ตเพลส ทันที ทำให้ผู้เสียหายรู้ตัวว่าถูกหลอก เป็นเงินรวม 4,000 บาท จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ป่าตอง จ.ภูเก็ต ก่อนจะมีการรวบรวมพยานหลักฐานและออกหมายจับ นายมนัสวี ฯ ชื่อบัญชีรับโอนเงินดังกล่าว และจากการตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียหายถูกหลอกในลักษณะเดียวกันอีกจำนวนมาก ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงลงพื้นที่สืบสวน กระทั่งทราบว่า นายมนัสวีฯ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ปรากฏตัวอยู่แถวที่พักคนงาน ในพื้นที่ จ.สงขลา จึงเข้าไปตรวจสอบ พบนายมนัสวี ฯ จึงแสดงตัวพร้อมทำการจับกุมตัว โดยสอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น สารภาพตลอดข้อกล่าวหา ระบุว่าตัวเองมีเพื่อนชื่อแบงค์ ไม่ทราบชื่อสกุล มาขอยืมใช้บัญชีเพื่อแลกกับเงินค่าติดเป็นจำนวน 800 บาท เพื่อนำไปหลอกลวงขายรถจักรยานยนต์ในกลุ่มซื้อขายของในเฟซบุ๊ก รวมทั้งนำเงินไปเที่ยวเตร่ อีกด้วย เบื้องต้น ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ เพื่อบันทึกการจับกุม พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ป่าตอง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยตรวจสอบพบว่ายังมีหมายจับของ สภ.ป่าตอง และ สภ.ฉลอง ในข้อหาเดียวกันอีก รวม 3 หมายจับ