สหกรณ์ออมทรัพย์ครูฯ ยืนยัน อดีตครูเป็นหนี้จริง

วันที่ 15 ก.พ. 2567 เวลา 20:10 น.

กรณีที่มีอดีตข้าราชการครู ซึ่งเป็นสมาชิกของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูยโสธร ร้องสื่อว่ามีการแอบอ้างชื่อไปทำสัญญากู้เงิน กับสหกรณ์ฯจนเป็นหนี้ท่วม ล่าสุดทางสหกรณ์ฯออกมาชี้แจงว่าสมาชิกรายนี้เป็นหนี้จริง และมีการปรับโครงสร้างหนี้ถึง 6 รอบ วันที่ 15 ก.พ.67 ที่ห้องประชุมบั้งไฟโก้ ชั้น 3 สำหนักงานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูยโสธร จำกัด อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร นายวรศิลป์  โคตรมนตรี รองประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูยโสธร จำกัด และ นายยุทธนา  ประชุมชัย ผู้จัดการสหกรณ์ฯพร้อมด้วยกรรมการสหกรณ์ฯได้เปิดแถลงชี้แจงข้อเท็จจริง จากกรณีที่มี นางสาวตฤษนา อายุ 66 ปี อดีตข้าราชการครูและเป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูยโสธร ที่ได้เข้าร้องสื่อมวลชนเพื่อขอให้ตรวจสอบการทำสัญญากู้ยืมเงินของตนกับสหกรณ์ฯ ซึ่งยืนยันว่าตนไม่ได้ทำสัญญากู้เงินกับสหกรณ์ฯตั้งแต่ปี 2555 จนถึงปี 2561 จนทำให้ตนเองมีหนี้ท่วมนั้น ข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวได้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบข้อมูล คือ สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์จังหวัดยโสธรได้ประชุมร่วมกับคณะกรรมการดำเนินการแจ้งผลการตรวจสอบบัญชีเงินฝากของผู้ร้องจากธนาคารและรายละเอียดเกี่ยวกับเช็คที่สหกรณ์ฯได้อนุมัติวงเงินกู้ให้กับผู้ร้อง พบว่าการเบิกถอนเงินตามสเตทเมนท์ปรากฏเลขบัตรประชาชนของผู้ร้องนำเช็คไปขึ้นเงินด้วยตนเอง อีกทั้งเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ได้เชิญผู้ร้องไปรับทราบข้อมูลที่ตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับองค์กรและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย สหกรณ์จังหวัดยโสธรจึงอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลทั้งหมด ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : อดีตข้าราชการครูร้องสื่อถูกอ้างชื่อทำสัญญากู้สหกรณ์ออมทรัพย์จนเป็นหนี้ท่วม นายยุทธนา  ประชุมชัย ผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูยโสธร กล่าวว่า ขั้นตอนการให้สมาชิกกู้ตามระเบียบฯสมาชิกต้องยื่นคำขอกู้พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องประกอบการกู้ยื่นต่อเจ้าหน้าที่สหกรณ์ฯ หลังจากนั้นถ้าเข้าเงื่อนไขการอนุมัติเงินกู้ สหกรณ์ฯจะโอนเงินเข้าบัญชีของผู้กู้ หรือออกเช็คสั่งจ่ายให้กับผู้กู้ ส่วนประเด็นที่ผู้ร้องอ้างว่ามีการแอบอ้างทำสัญญากู้เงินกับสหกรณ์ฯถึง 6 สัญญา นั้นข้อเท็จจริงคือ ผู้ร้องได้ทำสัญญากู้เงินกับสหกรณ์ฯเมื่อปี 2555 จำนวน 2 ล้าน 3 แสนบาท ต่อมาผู้ร้องผิดสัญญาไม่ยอมจ่ายหนี้ ทางสหกรณ์ฯจึงมีการเรียกให้ผู้ร้องไปปรับโครงสร้างหนี้อยู่หลายรอบ เพื่อเป็นการช่วยเหลือสมาชิกและให้สมาชิกอยู่ได้องค์กรอยู่ได้ ซึ่งการปรับโครงสร้างหนี้ก็คือการกู้เงินเงินอีกรอบเพื่อนำไปหักลบกลบหนี้เดิมที่มีอยู่และหลังจากใช้หนี้เดิมหมดแล้วเงินเหลือเท่าไรจึงจะจ่ายคืนให้กับสมาชิกที่ขอกู้ โดยผู้ร้องรายนี้มีการปรับโครงสร้างหนี้ถึง 6 รอบ เมื่อรวมตัวเลขที่กู้ไปใช้หนี้เดิมในแต่ละครั้ง จึงทำให้มียอดตัวเลขหนี้สูง แต่จริงๆ เป็นการหักลบกลบหนี้เดิม เนื่องจากผู้ร้องรายนี้มีการผิดสัญญาอยู่บ่อยครั้งไม่ยอมจ่ายหนี้ จึงทำให้มียอดหนี้เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนล่าสุดขณะนี้มียอดหนี้เหลืออยู่ 4 ล้าน 5 แสนบาท และตนยืนยันว่าการทำสัญญากู้เงินและสั่งจ่ายเงินแต่ละครั้งมีเอกสารหลักฐานถูกต้องทุกอย่างและพร้อมให้การตรวจสอบหลักฐานเอกสารได้ตลอดเวลา