ไชยา ยันเพลิงไหม้ห้องที่ปรึกษา ไม่มีเอกสารสำคัญ
วันที่ 4 ก.พ. 2567 เวลา 15:47 น.
รมช.เกษตรฯ ยืนยันเพลิงไหม้ห้องที่ปรึกษา ไม่ใช่เผาทำลายหลักฐาน เอกสารสำคัญจัดเก็บในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ หากดูกล้องวงจรปิดได้ก็ดี แต่ห่วงว่ากล้องจะเสีย ความคืบหน้าการตรวจหลักฐานเหตุเพลิงไหม้กระทรวงเกษตรฯ วันนี้ (4 ก.พ.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อต้องการตรวจสอบที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ซึ่งเป็นห้องทำงานของคณะที่ปรึกษา แต่สุดท้ายไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานยังตรวจสอบที่เกิดเหตุไม่แล้วเสร็จ อีกทั้งบริเวณดังกล่าวถูกปิดกั้นเป็นพื้นที่เกิดเหตุจึงยังไม่อนุญาตให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าพื้นที่ อย่างไรก็ตาม นายไชยาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า เท่าที่ได้รับรายงานพบว่าต้นเพลิงเกิดขึ้นที่บริเวณห้องครัว ก่อนจะลามไปที่ห้องประชุมของคณะทำงาน โดยยืนยันว่าในห้องคณะทำงานดังกล่าว ไม่ได้มีเอกสารสำคัญเก็บไว้ มีแต่เอกสารไปเปิดงานทั่วไป ส่วนเอกสารสำคัญของโครงการต่างๆ ตนเก็บไว้ในระบบคลาวน์ หรือระบบจัดเก็บข้อมูลออนไลน์ในคอมพิวเตอร์ทั้งหมด เป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ได้เก็บไว้ที่ห้องดังกล่าว ดังนั้นที่มีกระแสข่าวว่าเหตุการณ์ไฟไหม้ที่เกิดขึ้นเป็นการเผาทำลายหลักฐาน จึงไม่เป็นความจริง เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าบริเวณจุดที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ มีกล้องวงจรปิดสามารถเปิดตรวจสอบได้หรือไม่ นายไชยาตอบว่า "ยิ่งดีเลย กลัวก็แต่ว่ากล้องวงจรปิดจะเสีย" นายไชยา ระบุด้วยว่า ยังไม่อยากให้เชื่อมโยงประเด็นการเมือง ที่ว่านายศรีสุวรรณ จรรยา และนายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก มาเข้าพบตนเองบ่อยครั้ง ยืนยันว่าตนไม่ได้กำกับดูแลกรมการข้าว ดังนั้นจึงไม่เกี่ยวกับบุคคลทั้ง 2 ไม่มีความจำเป็นที่บุคคลทั้ง 2 จะต้องมาพบ ส่วนโครงการที่เกี่ยวข้องในกรมฝนหลวงฯ นายศรีสุวรรณและเจ๋งดอกจิก ก็ไม่ได้มายื่นหนังสือกับตน แต่ยื่นกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ และที่ปรึกษาทางกฎหมายของรัฐมนตรีเป็นผู้รับเรื่อง แต่ยอมรับว่าสมัยที่ตนเป็นประธานกรรมาธิการฯ ติดตามการบริหารงานงบประมาณ เจ๋ง ดอกเจิก เคยมายื่นเรื่องร้องเรียนหลายครั้ง แต่ก็เป็นเรื่องที่อยู่ภายในกรรมาธิการ ซึ่งเป็นเรื่องปกติตามกลไกของสภาฯ เมื่อตนมารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ก็ไม่ได้พบบุคคลทั้ง 2 ที่กระทรวงอีกเลย แต่อาจเจอกันตามสถานที่ภายนอก นายไชยา ระบุด้วยว่า ส่วนที่มีการตั้งข้อสงสัยว่าเจ๋ง ดอกจิก มาที่กระทรวงเกษตรฯ ตนก็อยากท้าให้เอากล้องวงจรปิดมาเปิดดูได้เลยว่าไปพบใครกันแน่ แต่ไม่ได้ไปพบกับตน หรือที่ปรึกษาของตนแน่นอน เพราะที่ปรึกษาก็ไม่มีอำนาจสั่งการอะไรได้ สำหรับผมแม้จะดูแลกรมฝนหลวง แต่เป็นการกำกับในนโยบาย ไม่มีอำนาจในการอนุมัติงบประมาณ และการบริหารบุคคล ดังนั้นเมื่อมีการยื่นร้องเรียนโครงการที่อยู่ในอำนาจของกรมฝนหลวงฯ ผ่านเข้ามาในระบบจากบุคคลภายนอก ตนก็ได้ทำบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ว่าเรื่องร้องเรียนดังกล่าวเป็นเรื่องที่จะต้องตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ว่าเป็นไปตามข้อร้องเรียนหรือไม่ และให้หน่วยงานดังกล่าวได้ชี้แจง รวมถึงมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งก็ได้มีรายงานตอบกลับชี้แจงในประเด็นที่มีข้อสงสัยมาแล้ว ส่วนที่มีข่าวว่า มีรัฐมนตรีช่วยที่กำกับดูแลเป็นคนให้ข้อมูล เจ๋ง ดอกจิก ไปยื่นเรื่องร้องกรรมาธิการฯ ก็เป็นเรื่องไร้สาระ เพราะตอนนี้ตนเป็นรัฐมนตรีช่วย สามารถดูแลกำกับนโยบาย เป็นฝ่ายบริหาร เมื่อเห็นการบริหารงานที่ไม่ถูกต้อง ก็สามารถใช้อำนาจหน้าที่ฝ่ายบริหารได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องยืมมือกรรมาธิการ