รวบแก๊งเงินกู้ออนไลน์ ยิงโฆษณาหลอกเหยื่อ วันเดียวสูญหลักแสน
วันที่ 4 ม.ค. 2567 เวลา 11:05 น.
ตำรวจไซเบอร์ รวบแก๊งเงินกู้ออนไลน์ ยิงโฆษณาชวนกู้เงิน วันเดียวเหยื่อโอนให้สูญเงินแสนกว่าบาท วันนี้ (4 ม.ค.67) พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3, ว่าที่ พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3 สั่งการให้ พ.ต.ท.ชนทัช วุฒิภัทรโสภณ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3, พ.ต.ต.สมพร บุตรวงศ์, พ.ต.ต.วินัย ชมพุฒ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3 พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม นายวันชนะ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตนเป็นคนอื่น , ร่วมกันโดยทุจริต หรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย” โดยจับกุมได้ที่บ้านพักหลังหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 ก.ย.65 ผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน พร้อมแจ้งความออนไลน์ว่า พบข่าวในเฟซบุ๊กเกี่ยวกับลิงก์การบริการให้กู้เงิน ซึ่งเปิดเป็นสาธารณะ เมื่อผู้เสียหายกดเข้าไปในลิงก์แล้วแอดไลน์ชื่อโพรไฟล์ “ณรงค์เดช ทองไพรวัลย์” เพื่อพูดคุย โดยผู้ใช้บัญชีดังกล่าวอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่สินเชื่อของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์กรุงไทย จำกัด และได้แนะนำวิธีการกู้ยืมเงินในระบบ จากนั้นได้ให้ผู้เสียหายโอนเงินค่าทำสัญญา ค่าทำประกัน ค่าปลดล็อกบัญชี ซึ่งผู้เสียหายได้โอนเงินจากบัญชีของคนร้าย จำนวน 5 ครั้งในวันเดียวกัน รวมเป็นเงินจำนวน 124,555.12 บาท และคนร้ายยังให้ผู้เสียหายโอนเงินเป็นค่าธรรมเนียมอื่นๆ อีก ผู้เสียหายจึงเชื่อถูกหลอกลวง จึงเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับคนร้าย ต่อมา ว่าที่ พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด ออกสืบสวนติดตามบุคคลตามหมายจับ จนได้รับแจ้งจากสายลับว่าพบบุคคลหมายจับแล้ว จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และไปทำการตรวจสอบ กระทั่งวันที่ 3 ม.ค.67 ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าสังเกตการณ์ ก็พบบุคคลตามหมายจับ ยืนอยู่บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 2 ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี มีตำหนิรูปพรรณตรงกับบุคคลตามหมายจับดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าจับกุมดังกล่าว เบื้องต้นนายวันชนะให้การ “รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา”