คลิป นทท.จีน เที่ยว VVIP ลามไม่หยุด!
วันที่ 8 ธ.ค. 2566 เวลา 16:36 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - คลิปนักท่องเที่ยวจีน เที่ยวไทยแบบ VVIP ลามไม่หยุด หลังจากมีคลิปทหารยืนคอยต้อนรับ ล่าสุดมีภาพตำรวจขับรถนำขบวนโผล่อีก คลิป "นทท.จีน" เที่ยว VVIP ลามไม่หยุด! เป็นประเด็นดรามาที่ลุกลามบานปลายอย่างต่อเนื่อง ภายหลังโลกโซเชียลมีการแชร์คลิปสารวัตรทหาร 6 นาย ยืนตั้งแถวร่วมกับนางรำ เพื่อรอรับนักท่องเที่ยวจีน บริเวณหน้าโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ประหนึ่งเป็นแขกระดับ "VVIP" จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ร้อนจนเมื่อวานนี้ (7 ธ.ค.) นายสุทิน คลัวแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องรีบชี้แจงว่า เป็นคลิปวิดีโอเก่าเมื่อปี 2564 โดยอยู่ระหว่างการสอบสวนเหตุการณ์ในคลิป ถ้าหากพบว่าไม่ชอบธรรม หรือผิดระเบียบของทางการ สามารถเอาผิดย้อนหลังได้ ขณะที่เมื่อวาน รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ได้มีการนำเสนออีกคลิป เป็นภาพทหารสารวัตรทหาร กำลังตั้งแถวทำท่าตะเบ๊ะ หรือท่าวันยาหัตถ์ เพื่อคอยต้อนรับน้องท่องเที่ยวชาวจีน ที่เดินอยู่บนพรมสีแดง จนสมาชิกโซเชียลหลายคนเกิดความสงสัยว่า เจ้าหน้าที่ทหารทำแบบนี้ เหมาะสมแล้วหรือไม่ แต่ไม่ทันที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์จะจางหาย ล่าสุดมีคลิปใหม่โผล่มาอีกแล้ว เป็นคลิประหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำหน้าที่เป็นรถนำขบวนให้กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยผู้โพสต์ชาวจีน ระบุข้อความประกอบคลิปว่า "สโมสรประกันภัย Elite ท่องเที่ยวแห่งชาติ กิจกรรมลูกค้า High-end ซีซัน 4 ผู้คนนับพันมารวมตัวกันที่ประเทศไทย ได้รับการดูแลอย่างดียิ่ง โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การเดินทางทั้ง 6 วัน มีตำรวจคุ้มกัน รวมถึงเส้นทางการเดินทางสำคัญ ก็มีรถตำรวจเปิดทางเคลียร์พื้นที่ให้ จัดขึ้นในประเทศไทยที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์" รวบสาวจีนไลฟ์สดดิสเครดิต "ซอยนานา" ปิดท้ายที่ประเด็นคลิปสาวชาวจีน ไลฟ์สดเตือนภัยเรื่องความอันตราย บริเวณซอยนานา จนกลายเป็นกระแสนั้น ล่าสุดตำรวจได้เชิญตัวนักท่องเที่ยวสาวชาวจีนรายนี้ เข้ามาให้ปากคำ โดยยอมรับว่า เป็นคนทำคลิปจริง แต่ไม่มีเจตนาจะทำให้ประเทศไทยเสียหาย แค่ต้องการประชาสัมพันธ์ ให้คนต่างชาติรู้ว่า สถานที่ไหนผู้หญิงไม่ควรไปคนเดียว ขณะที่การตรวจสอบพฤติกรรมหญิงชาวจีน พบว่า มีการไลฟ์สดขายสินค้าออนไลน์ เข้าข่ายการทำงานของคนต่างด้าว โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิดตาม พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวฯ จึงมีการแจ้งข้อหาตามกฎหมายต่อไป