ชาวบ้าน เดือดร้อน โรงงานแปรรูปไส้เดือนส่งกลิ่นเหม็น จ.ร้อยเอ็ด

ชาวบ้าน เดือดร้อน โรงงานแปรรูปไส้เดือนส่งกลิ่นเหม็น จ.ร้อยเอ็ด

วันที่ 2 ธ.ค. 2566 เวลา 05:07 น.

สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - สนามข่าวช่วยชาวบ้านวันนี้ มาดูความเดือดร้อนชาวบ้านพื้นที่อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด ได้ร้องเรียนมาที่ช่อง 7HD เดือดร้อนจากโรงงานแปรรูปไส้เดือน ส่งกลิ่นเหม็น และยังปล่อยน้ำเสียลงในแหล่งน้ำสาธารณะ วอนหน่วยงานเข้ามาช่วยแก้ไข ชาวบ้านในพื้นที่อำเภอเกษตรวิสัย ร้องเรียนมาที่แอปพลิเคชันไลน์ 7 สี ช่วยชาวบ้าน ถึงความเดือดร้อนจากโรงงานแปรรูปไส้เดือน ตั้งอยู่ในชุมชน ทั้งกลิ่นที่ฟุ้งกระจาย และน้ำเสียไหลลงไปในแหล่งน้ำสาธารณะ ที่ผ่านมาร้องเรียนไปหลายที่ ก็ยังไม่มีการแก้ไข ทีมข่าวตรวจสอบพบมีโรงงานแปรรูปไส้เดือน 2 แห่ง ในพื้นที่ตำบลเกษตรวิสัย ที่แรกเป็นของชาวจีน ที่ดำเนินการกว่า 6 เดือนแล้ว ตรวจพบส่งกลิ่นเหม็นรุนแรง ไม่มีระบบบำบัดน้ำเสียก่อนที่จะปล่อยลงในท่อระบายน้ำ ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศชุมชน ส่วนอีกแห่งอยู่ห่างจากผู้ร้องเรียนไม่ถึง 100 เมตร นางสาวเกสร สีหาบุตร อายุ 47 ปี เจ้าของร้านหมูกระทะ หนึ่งในผู้ที่เดือดร้อน เล่าว่า ได้รับผลกระทบด้านกลิ่นอย่างรุนแรง จากที่เคยขายดี รายได้ลดลงเหลือไม่ถึง 1,000 บาท แม้แต่ห้องนอน ปิดทั้งประตูหน้าต่างมิดชิด่ ก็ยังได้กลิ่น เธอกับชาวบ้านลงชื่อยื่นเรื่องร้องเรียนไปที่หน่วยงาน ให้เข้ามาตรวจสอบแก้ไข ยืนยันไม่มีเจตนาขัดขวางการประกอบอาชีพ หรือต้องการให้สั่งปิด เพราะเข้าใจคนทำมาหากินและชาวบ้านมีรายได้ อยากให้มีการแก้ปัญหาเรื่องกลิ่น แต่ถ้าแก้ไม่ได้ ก็อยากให้ย้ายไปอยู่ที่อื่น ผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่โรงงาน พบกับนายไสว ศรีบัว ผู้ประกอบการโรงงานแห่งที่ 2 ยืนยันว่าทำตามระเบียบ แต่ยอมรับว่ายังไม่ได้ขออนุญาต เพราะเพิ่งเปิดไม่ถึงเดือน แต่ละวันแปรรูปในปริมาณน้อย ไม่ถึง 500 กิโลกรัม เมื่อทำเสร็จไม่ได้ทิ้งของเสียและมูลไส้เดือนไว้ในโรงงาน คนงานเอาไปทำปุ๋ยใส่นา จึงไม่มีกลิ่นเหม็นเหมือนโรงงานอีกแห่งของคนจีน คนเข้าใจผิดว่าเกิดจากโรงงานตนเอง พร้อมที่จะให้พิสูจน์ตลอดเวลา เมื่อมีการทักท้วงว่าการบำบัดน้ำเสียยังไม่ได้มาตรฐาน ก็พร้อมปฏิบัติตาม รวมทั้งจะปรับปรุงขั้นตอนแปรรูปไส้เดือน จัดสร้างเป็นห้องทึบกักกลิ่น เพื่อไม่ให้กระทบชุมชน และให้ผู้เกี่ยวข้องพิจารณาประกอบการขออนุญาตต่อไป นายอำเภอเกษตรวิสัย พร้อมหัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดร้อยเอ็ด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนจะประชุมร่วมกัน โดยได้ให้คำแนะนำผู้ประกอบการในการปรับปรุงแก้ไข ทั้งสิ่งแวดล้อม, อุตสาหกรรม, พ.ร.บ.สาธารณสุข ให้ถูกต้องตามกฎหมาย หลังจากนี้จะมีการตรวจสอบอีกครั้งว่าได้ดำเนินการหรือไม่ เพื่อพิจารณาและตัดสินว่าจะอนุญาตหรือไม่อนุญาต