ผงะเปิดกุฏิเจ้าสำนักสงฆ์ พบทั้งกะโหลกมนุษย์ หุ่นเทียน เต็มห้อง

วันที่ 28 พ.ย. 2566 เวลา 11:18 น.

ผงะเปิดกุฏิเจ้าสำนักสงฆ์เพื่อทำความสะอาด หลังหายไปจากวัด พบทั้งกะโหลกมนุษย์ และกระดูกชิ้นส่วนต่าง ๆ ซุกไว้ในห้องพัก พระและชาวบ้านบอกเป็นพระสายมนต์ดำที่ชอบสะสมของเพื่อทำคุณไสย วานนี้ (27 พฤศจิกายน 2566) คณะกรรมการสำนักสงฆ์ ป่าสมุนไพร(เขาไม้แก้ว) อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เห็นพ้องกันว่าจะมีการทำความสะอาดศาลา ที่พักสงฆ์หรือวิหารหลวงพ่อดำ เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบสะอาดสวยงาม   เนื่องจากที่ผ่านมาขณะที่พระอาจารย์อนุชิต  อิตธิญาโน ดำรงตำแหน่งเจ้าสำนักสงฆ์ ไม่มีใครเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่เมื่อก่อนออกพรรษา พระอาจารย์อนุชิต ได้หายไปจากสำนักแห่งนี้ และกลับมาอีกทีเมื่อคราวรับกฐิน เมื่อรับกฐินแล้วก็หายตัวไปไม่มีใครทราบว่าหายไปไหนและไม่สามารถติดต่อได้ ทางคณะกรรมการจึงได้เข้ามาทำความสะอาด ส่วนที่ห้องถูกติดกุญแจทางคณะกรรมการวัด  จึงต้องใช้ใบตัดเหล็กตัดออกเพื่อเข้าไปสำรวจสิ่งของและทำความสะอาด  แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปทุกคนถึงกับผงะเมื่อพบว่าในห้องนอกจากจะมีสิ่งของเกี่ยวกับวิชามนต์ดำ การปั้นหุ่นเทียน ขี้ผึ้ง เพื่อประกอบพิธีมนต์ดำแล้วยังพบหัวกะโหลกมนุษย์และกระดูกชิ้นส่วนต่างๆ ใส่ไว้ในตะกร้า ทำให้การทำความสะอาดต้องหยุดลงและแจ้ง สภ.กบินทร์บุรี เข้าตรวจสอบ                                     พ.ต.อ.ศิวัชณัฎฐ์  คุ้มทรัพย์ ผกก.สภ.กบินทร์  ได้เดินทางเข้าตรวจสอบที่สำนักสงฆ์พบว่าเป็นกะโหลกมนุษย์จริง   จึงประสานพิสูจน์หลักฐานภูธรจังหวัดปราจีนบุรี เข้าตรวจสอบอีกครั้งก่อนสั่งการให้ชุดสืบสวนติดตามพระอาจารย์อนุชิต  อิตธิญาโน เจ้าสำนักสงฆ์ที่หายตัวไปมาสอบสวนว่ากะโหลก และกระดูกมนุษย์ที่พบในห้องเป็นของใครและเอามาจากไหน ด้าน พระรังสรรค์  แสงเนตร  กล่าวว่า ขณะที่มาทำความสะอาดรับกฐิน พอเปิดห้องออกมาก็พบกะโหลกกับชิ้นส่วนมนุษย์   ขณะนี้ไม่สามารถติดต่อได้ ต้องให้คณะกรรมการเป็นผู้ติดต่อ พระรังสรรค์ ยังกล่าวต่อว่า พระอาจารย์ อนุชิต ไม่ได้พักที่ห้องนี้นานแล้ว  ท่านไปพักที่อาคารอีกหลังหนึ่งนานแล้วก่อนที่จะหายไปสำหรับชิ้นส่วนกระโหกและกระดูกที่พบนั้นตนไม่รู้ว่ามาจากไหน ในขณะที่ชาวบ้านกำลังพูดคุยเพื่อเตรียมเก็บกวาดกุฏิ  ปรากฏว่ามีงูไม่ทราบชนิดเลื้อยเข้ามาที่หน้ากุฏิพยายามที่จะขึ้นข้างบน ชาวบ้านจึงใช้ก้อนหินขว้างแต่งูก็ขดตัวเหมือนไม่ยอมออกไปไหน   จนผ่านไปหลายนาทีจึงเลื้อยออกไป