คู่สามี-ภรรยาร้องกองปราบฯ ถูกจับขังรีดทรัพย์กว่า 2 ล้านบาท

วันที่ 10 พ.ย. 2566 เวลา 17:05 น.

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - หนุ่มใหญ่อดีตเจ้าของโรงงาน ขายโรงงานได้เงิน 35 ล้านบาท ถูกเจ้าหนี้จับขังในโรงงาน บังคับให้ชดใช้หนี้กว่า 2 ล้านบาท ภรรยาต้องรีบเอาเงินมาให้ หลังเกิดเรื่องแจ้งความไว้แล้ว แต่คดียังไม่คืบหน้า วันนี้จึงมาร้องกองปราบปราม เมื่อเช้านี้ จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ พานายประพันธ์ วลีเจริญผล และ นางสาคร วลีเจริญผล สองสามี-ภรรยาอดีตเจ้าของโรงงานแห่งหนึ่ง จังหวัดสมุทรสาคร ร้องขอความช่วยเหลือต่อกองบังคับการปราบปราม หลังถูก นางสาวกนกพร กับพวก ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวฯ และขู่เรียกเงินจํานวนกว่า 2 ล้านบาท นายประพันธ์ ผู้เสียหาย กล่าวว่า หลังจากที่ตนเองได้ขายกิจการโรงงานให้กับ ผู้ซื้อคือ นางสาวกนกพร ในราคา 35 ล้านบาท ซึ่งได้ทําการจ่ายเงินมาแล้วจํานวน 33 ล้านบาท โดยมีเช็ครอจ่ายอีก 2 ล้านบาท ตนจึงไปพูดคุยว่าจะจ่ายให้หลังได้รับเงินอีก 2 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมา มีการทยอยจ่ายเงินคืนเจ้าหน้าหนี้อยู่ตลอดตั้งแต่ขายโรงงานได้ แต่สุดท้ายเจ้าหนี้ได้ไปพูดคุยกับผู้ซื้อ และร่วมมือกันวางแผนหลอกให้ตนเข้าไปซ่อมเครื่องจักรในโรงงาน แต่สุดท้ายเป็นการหลอกเข้าไปกักขังหน่วงเหนี่ยว และรีดเงินจํานวนกว่า 2 ล้านบาท ตอนนั้นตนเองกลัวมาก ต่อมาภรรยาตนเองสังเกตเห็นว่าตนหายไปนาน จึงโทรศัพท์มาหา ตนจึงบอกว่าถูกกักขังอยู่ในโรงงาน พร้อมกับถูกรีดเงินจํานวน 2 ล้านบาท ภรรยาตนจึงนําเช็คเงินสดไปให้ โดยยื่นเช็คตรงประตูหน้าโรงงาน ซึ่งภรรยาตนเองได้แจ้งตํารวจมาด้วย แต่เมื่อตํารวจมาถึงไม่สามารถเข้าไปในโรงงานได้ เนื่องจากไม่มีหมายค้น ตนจึงให้ภรรยาเข้าไปในโรงงาน ซึ่งทางคู่กรณีมีการต่อว่าทํานอง ไม่พอใจที่ไม่ชําระหนี้ ตนยืนยันว่าจะชําระให้แน่นอน แต่ขอขึ้นเช็คให้ได้ก่อน แต่เขาไม่ยอม เขาได้ยึดเช็คไป พร้อมกับยังข่มขู่เรียกเงินอีก 2 ล้านบาท หากไม่จ่ายจะไม่ให้ออกจากโรงงาน สุดท้ายตนกับสามีจึงตัดสินใจโอนเงินจ่ายรวมประมาณ 2.1 ล้านบาท ส่วนเช็คโดนยึดไปด้วย พอทวงเช็คคืน เขาบอกว่าอยากได้คืนให้ไปฟ้องศาล เบื้องต้น ได้แจ้งความดําเนินคดีไว้แล้วที่ สภ.กระทุ่มแบน และติดต่อจ้างทนายความชื่อดังให้ช่วยดูแลคดี โดยจ่ายเงินไปจํานวน 100,000 บาท แต่คดีไม่คืบหน้าและเงียบหายไป จนสุดท้ายต้องมาร้องขอให้ "จ่าคิงส์" ช่วยเหลือ ทั้งนี้ นายธมนันท์ หรือ จ่าคิงส์ กล่าวว่า ตนนําผู้เสียหายทั้งสองคน มาร้องยังกองบังคับการปราบปราม เนื่องจากคู่กรณีอ้างว่ารู้จักอัยการและเกรงว่าไม่ได้รับความปลอดภัย และฝากขอให้ ผบก.ภ.จว.สมุทรสงคราม ช่วยติดตามคดี เนื่องจากผ่านมาเกือบปีแล้ว แต่คดียังไม่คืบหน้า