ชาดา สั่งลูกเขยลาออกจากตำแหน่ง หลังถูกจับพร้อมพวก

วันที่ 26 ต.ค. 2566 เวลา 07:02 น.

สนามข่าว 7 สี - อาจเรียกได้ว่าเป็นเรื่องร้อนที่ต้องรีบเคลียร์ และสไตล์นักเลงอย่าง นายชาดา ก็ไม่ปล่อยให้เวลาเนิ่นนาน จนเกิดกระแสกดดันมาที่ตัวเอง จึงสั่งให้ลูกเขยลาออกจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลตลุกดู่ เซ่นคดีฉาวไปเรียบร้อยแล้ว ชาดา สั่งลูกเขยลาออกจากตำแหน่ง หลังถูกจับพร้อมพวก เรียกว่าจัดแบบเต็มสิบไม่หัก สรุปปิดจบปัญหาเร็ว ให้ลูกเขยลาออกคืนนั้นเลย ขณะที่ในใบลาออกระบุว่า ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่เพื่อแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง ไม่ให้เทศบาลตำบลตลุกดู่ ตกอยู่ในสภาวะขาดผู้นำในการบริหารงาน ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้กับภาครัฐและประชาชน จึงขอลาออกจากตำแหน่งตั้งแต่เวลา 23.30 น.ของวันที่ 24 ตุลาคม ก็เป็นไปตามคำสั่งของพ่อตา ผบก.ปปป. ยืนยันไม่ได้กลั่นแกล้ง กรณีจับลูกเขยชาดา ส่วนเรื่องทางคดี พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการ ปปป. บอกว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่ได้จากการตรวจค้น และการยึดโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหามาตรวจสอบ ยืนยันว่ามีหลักฐานเพียงพอเอาผิด หลังจับกุมได้โทรศัพท์พูดคุยกับนายชาดา โดยนายชาดา บอกว่า ให้ทำทุกอย่างไปตามขั้นตอนของกฎหมาย สำหรับการบุกจับกุมตัวลูกเขยนายชาดา กับพวกรวม 5 คน เกิดจากกรณีเรียกรับผลประโยชน์ผู้รับเหมาก่อสร้างระบบน้ำประปา 1 ล้านบาท แต่มีการเจรจาต่อรองเหลือ 600,000 บาท และนัดมอบเงินเมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา ตำรวจเลยซ้อนแผนจับกุมได้คาหนังคาเขา โดย นายวีระชาติ ถูกจับกุมที่บ้านพักไม่มีเลขที่ ตำบลตลุกดู่ อำเภอทัพทัน ส่วนพวกอีก 4 คน จับกุมได้ที่ห้องทำงานในเทศบาลตลุกดู่ และบริเวณหน้าธนาคาร ธ.ก.ส. สาขาเมืองอุทัยธานี พร้อมของกลางเงินสด 600,000 บาท หลังจากนำตัวมาสอบปากคำอย่างเคร่งเครียดที่ บก.ปปป. ก็มีการแจ้งข้อหาร่วมกันเป็นเจ้าพนักงาน เรียกรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดโดยมิชอบ และร่วมกันเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ก่อนที่ทั้งหมดจะได้รับการประกันตัวด้วยวงเงินคนละ 400,000 บาท กรมการปกครอง จับตาผู้มีอิทธิพล 66 จังหวัด 10 จังหวัดไร้ผู้มีอิทธิพล ส่วนความคืบหน้าในการทำจัดทำบัญชีผู้มีอิทธิพล เมื่อวานนี้ คณะกรรมาธิการการปกครอง ได้รับทราบรายละเอียดจากกรมการปกครอง ว่าแต่ละจังหวัดได้ส่งรายละเอียดของผู้มีอิทธิพลมาแล้ว พบว่ามี 10 จังหวัดไม่มีผู้มีอิทธิพล แต่ 84 อำเภอ มีผู้มีอิทธิพล 805 คน ที่แบ่งเป็นพื้นที่สีแดง พบผู้มีอิทธิพล 180 รายชื่อ ที่ยังคงมีพฤติกรรมใช้อิทธิพลอยู่ จำนวน 625 คน เป็นผู้ที่เคยมีพฤติกรรมแต่หยุดพฤติกรรมการข่มเหงรังแกประชาชน ซึ่งฝ่ายปกครองยังติดตามพฤติกรรมต่อเนื่อง