เร่งขยายผล หามิจฉาชีพขาย iPhone นักเรียน ม.6

วันที่ 19 ต.ค. 2566 เวลา 11:21 น.

ห้องข่าวภาคเที่ยง - ตำรวจคุมตัว นางสาวดอกแก้ว 1 ใน 4 บัญชีม้ารับโอนเงินจากนักเรียนหญิงชั้น ม.6 ที่หลงเชื่อติดต่อซื้อโทรศัพท์ แล้วถูกโกง จนเกิดความเครียดตัดสินใจคิดสั้นฆ่าตัวตาย ไปขออำนาจศาลฝากขัง ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือบางส่วนพบว่ายังอยู่ในไทย บางส่วนหนีออกนอกประเทศไปแล้ว หลังจากที่ นางสาวดอกแก้ว อายุ 23 ปี 1 ใน 4 บัญชีม้ารับโอนเงินจากนักเรียนหญิงชั้น ม.6 ที่หลงเชื่อติดต่อซื้อโทรศัพท์ iPhone แล้วถูกโกง จนเกิดความเครียด ตัดสินใจคิดสั้นฆ่าตัวตาย ถูกตำรวจจับกุมตัวได้ที่บ้านพักในจังหวัดชัยภูมิ ครั้งแรกเจ้าตัวนั่งร้องไห้ที่สถานีตำรวจ อ้างว่า ไม่เคยนำสมุดบัญชีธนาคาร และบัตรประชาชนไปให้คนอื่น ไม่เคยขายของออนไลน์ แต่พอหลังจากพาตัวไปสอบเค้นต่อที่กรุงเทพฯ พลตำรวจตรี ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผู้บังคับการ สอท.5 เปิดเผยว่า ที่เห็นว่าผู้ต้องหาร้องไห้ตลอดเวลา เพราะเครียดกังวลกับเรื่องที่ทำให้มีคนเสียชีวิต และเรื่องอนาคตของลูกอายุ 4 ขวบ ส่วนเรื่องที่พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับการรับโอนเงินของผู้เสียชีวิต เจ้าตัวเปลี่ยนใจ ยอมรับว่า ตั้งแต่ 3 เดือนก่อน ได้รับว่าจ้างให้เปิดบัญชีธนาคารจริง มีการติดต่อกันทางโซเชียล อ้างว่า ได้ค่าจ้าง 300 บาทต่อบัญชี ไม่รู้ว่าคนว่าจ้างเป็นใคร และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้เงินค่าเปิดบัญชีใด ๆ นอกจากนี้ตำรวจยังขยายผลพบว่า บัญชีธนาคารของผู้ต้องหาถูกนำไปใช้กระทำผิดในคดีอื่น ๆ ด้วย จากการสอบปากคำมาตลอดทั้งคืน ภาพรวมต้องถือว่า นางสาวดอกแก้ว ให้การค่อนข้างเป็นประโยชน์ มีบางส่วนที่ให้การไม่ตรงกับข้อมูลการสืบสวน แต่ก็เป็นส่วนน้อย ส่วน 3 บัญชีธนาคาร ตรวจสอบแล้วพบ 1 บัญชีเป็นบัญชีส่วนตัว และมี 1 บัญชีที่รับโอนเงินมาจากผู้เสียชีวิต ส่วนการติดตามจับกุมกลุ่มที่เป็นบัญชีม้า พบว่า มี 1 รายอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ฝ่ายสืบสวนกำลังติดตามจับกุมอยู่ ส่วนอีก 2 ราย มีความเคลื่อนไหวย้ายที่อยู่ คาดว่าอาจหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว อย่างไรก็ตาม นอกจากวันนี้จะให้พนักงานสอบสวนพาตัว นางสาวดอกแก้ว ไปขออำนาจศาลอาญาฝากขัง ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์แล้ว จะมีการขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 1 คน เป็นผู้ร่วมขบวนการแต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด มีข้อสังเกตหนึ่งที่น่าสนใจ คือ พฤติการณ์กระทำผิดของผู้ต้องหา อาจไม่ใช่ขบวนการเดียวกัน 100% หากมองดูภาพรวม จะสามารถแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งหนึ่งคือ มิจฉาชีพ ไม่ว่าจะต้องการหลอกอะไรก็ตาม อีกฝั่งหนึ่งเป็นกลุ่มที่ทำหน้าที่จัดหาบัญชีม้า ขายให้กับมิจฉาชีพเพื่อนำไปใช้ในการกระทำผิด แล้วใช้ช่องว่างของโซเชียลเป็นช่องทางในการก่อเหตุ ในการจับกุมคดีล่าสุดของตำรวจสืบสวนนครบาล ที่ส่งผลการจับกุมให้กับผู้สื่อข่าวเมื่อประมาณ 10.00 น. ผู้ต้องหา คือ นางสาวมะลิวัลย์ อายุ 29 ปี หรือชื่อในเฟซบุ๊ก หมวย โพธิ์แท่น ที่ก่อเหตุด้วยการแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มซื้อขายสินค้าของเฟซบุ๊ก แล้วจะทักแช็ตไปหาคนที่ต้องการซื้อสินค้า หลอกตกลงว่ามีของที่กำลังตามหา และพร้อมขายราคาถูกกว่าท้องตลาด พอผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินก็ไม่ยอมส่งสินค้าให้ คล้าย ๆ กับคดีของนักเรียนหญิงที่เสียชีวิต เมื่อพาตัวไปสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ อ้างว่า สามีที่ชื่อ นายจักรกฤษ หรือ เล็ก เป็นคนขอยืมบัญชีธนาคารตนเองไปใช้งาน แล้วยังใช้ให้ไปเปิดบัญชีธนาคารต่าง ๆ ผ่านระบบออนไลน์อีก 15 บัญชี ก่อนแฝงตัวตามกลุ่มต่าง ๆ ของเฟซบุ๊กกว่า 200 กลุ่ม ซึ่งต่อมา นายจักรกฤษ ก็ถูกตามมาพบตำรวจ และยอมรับว่าเคยก่อเหตุหลอกผู้เสียหายมาตั้งแต่ปี 2564 ใช้บัญชีเฟซบุ๊ก 12 บัญชีในการหลอกลวง เพื่อหาเงินไปใช้จ่ายในครอบครัว ที่น่าตกใจไปกว่านั้น แค่ที่ทีมข่าวทดลองพิมพ์ค้นหาคำว่า "ซื้อบัญชี" ในเฟซบุ๊ก ก็เจอกลุ่มที่น่าสงสัยว่าจะมีการรับซื้อบัญชีธนาคารกันอย่างน้อย ๆ 3 กลุ่ม แถมบางกลุ่มตั้งชื่ออย่างโจ่งแจ้งว่าเกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์ด้วย เฉพาะ 3 กลุ่มที่เราค้นหาเจอ เอาสมาชิกหรือคนที่เข้าร่วมกลุ่มมารวมกัน มีจำนวนกว่า 1,800 บัญชีของผู้ใช้เฟซบุ๊กแล้ว หากบัญชีเหล่านี้ถูกนำไปกระทำผิดก็อาจมีผู้เสียหายอีกจำนวนมาก ฝากเตือนกันไว้เผื่อใครลืม ใครรับจ้างเปิดบัญชีม้า หรือใครเป็นผู้จัดหาบัญชีม้า มีความผิดตามกฎหมาย 2 ฉบับ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี คนเปิดบัญชีมีโทษ จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนคนจัดหาบัญชี จำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 200,000-500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดฐานฟอกเงิน จำคุก 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ