โจรในคราบพลเมืองดี ทำทีช่วยหญิงประสบอุบัติเหตุ ก่อนฉวยโอกาสวิ่งราวทรัพย์ จ.สมุทรปราการ
วันที่ 17 ต.ค. 2566 เวลา 05:09 น.
เช้าข่าว 7 สี - ข่าวนี้เสนอเป็นอุทาหรณ์ โดยเฉพาะกับคุณสุภาพสตรี หญิงคนหนึ่งขับรถยนต์ไปประสบอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์คันหนึ่ง ที่ย่านพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ระหว่างที่เธอกำลังร้อนใจ เข้าไปพูดคุยกับคู่กรณี กลับถูกชายซึ่งสวมบทพลเมืองดี แอบย่องมาเปิดประตูรถยนต์เพื่อขโมยทรัพย์สิน ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์รีบแจ้งเหตุ พร้อมช่วยกันไล่จับโจรในคราบพลเมืองดีส่งตำรวจ ชายคนที่นั่งกองกับพื้น หลังพิงกับแผ่นสังกะสี หายใจหอบเหนื่อย ที่ศีรษะมีแผลแตกเลือดไหล เปลือกตาขวาบวมปูด ในมือถือกระเป๋าสตางค์ใบหนึ่ง โดยมีกลุ่มชาวบ้านและเจ้าหน้าที่เทศกิจยืนล้อมไว้ เหตุเกิดบริเวณถนนเลียบคลองลัดหลวงฝั่งวัดกลาง ตำบลบางพึ่ง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ โดยกลุ่มชาวบ้านให้ข้อมูลว่า ชายคนนี้ก่อคดีวิ่งราวกระเป๋าเป้ของหญิงคนหนึ่งหลบหนีมา ช่วงเกือบ 10.00 น. วานนี้ (16 ต.ค.) โดยชายคนนี้เขาไปพบเจออุบัติเหตุรถยนต์คันหนึ่งเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ จึงเข้าไปช่วยเหลือ เข็นรถจักรยานยนต์คันคู่กรณีเข้าจอดข้างทาง เพียงเสี้ยวนาที พลเมืองดีก็กลายร่างเป็นโจร ฉวยจังหวะที่หญิงคนขับรถยนต์ไปคุยกับคนขี่รถจักรยานยนต์ (คู่กรณี) ย่องมาเปิดประตูรถยนต์ฝั่งผู้โดยสาร ขโมยกระเป๋าเป้สีเทา ที่วางอยู่บริเวณเบาะหน้าข้างคนขับ ชาวบ้านที่เห็นพฤติกรรม จึงแจ้งให้หญิงคนขับรถยนต์ให้ทราบทันที 1 ในพยานยืนยัน เห็นชายคนนี้เดินวน ๆ เวียน ๆ แถวรถยนต์ของผู้เสียหายหลายรอบ ด้วยท่าทางมีพิรุธมาก จึงถามหญิงคนขับรถยนต์ "มีอะไรสูญหายหรือเปล่า" ทีแรกหญิงคนขับรถยนต์ ก็ยังไม่เอะใจ กระทั่งเห็นกระเป๋าเป้ ซึ่งมีเงินสด แหวนทอง พร้อมเอกสารสำคัญทางราชการ สูญหายทั้งหมด แม้จะมีพยานบุคคลยืนยัน แต่ชายคนนี้ยังคงปากแข็ง "ผมไม่ได้ขโมย ผมไม่ได้ขโมย" ตำรวจสายตรวจ สภ.พระประแดง คุมตัวไปโรงพักเพื่อทำประวัติและสอบปากคำเพิ่มเติม ทราบชื่อคือ นายรุ่งอรุณ อายุ 45 ปี อ้างว่าเดินมาเจอกระเป๋าเป้ใบนี้ วางทิ้งอยู่ข้างถนน คงมีคนมาขโมยกระเป๋าสตางค์ไปก่อนหน้า ไม่ได้งัดรถ เพราะถ้าผมงัดรถจริง รถต้องมีรอย หรือสัญญาณกันขโมยต้องร้องเตือนแล้ว นายสมพงษ์ ขอจงกลาง อายุ 18 ปี พลเมืองดีที่เข้าไปช่วยจับโจรวิ่งราวทรัพย์ ให้การว่าได้ยินเสียงผู้หญิงตะโกนขอความช่วยเหลือ จึงรีบวิ่งออกมาจากบ้าน ไล่ตามคนร้ายไป ระหว่างทางชายคนร้ายก็บอก เรื่องผัวเมียอย่ามายุ่ง แต่นายสมพงษ์ (พลเมืองดี) ไม่ปักใจเชื่อ จึงใช้ไม้ตีชายต้องคนดังกล่าวเพื่อสกัดการหลบหนี โดยระหว่างที่วิ่งอยู่นั้น เห็นชายคนร้ายโยนทรัพย์สิน และกระเป๋าทิ้งเป็นระยะ ผู้สื่อข่าวถามชายผู้ก่อเหตุว่า จริงหรือที่บอกกับชาวบ้านว่าเป็นเรื่องผัวเมีย เขายอมรับว่าใช่ ที่พูดแบบนั้นก็เพราะกลัวกลุ่มชาวบ้านจะรุมทำร้าย ขณะที่ หญิงผู้เสียหายยืนกรานดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุถึงที่สุด และขอขอบคุณชาวบ้านทุกคนที่ให้การช่วยเหลือ