มาโนชญ์ อารีย์ หวั่นการสู้รบอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ขยายวงสู่ระดับภูมิภาค
วันที่ 9 ต.ค. 2566 เวลา 07:06 น.
สนามข่าว 7 สี - ชนวนเหตุการสู้รบระหว่าง ปาเลสไตน์ กับ อิสราเอล ว่าอะไรคือฟางเส้นสุดท้าย ก็มีการวิเคราะห์กันไว้ 2-3 ประเด็น และแน่นอนท่าทีของไทยต่อเหตุการณ์นี้ก็มีความสำคัญ เพราะหากไม่เป็นกลาง ก็เสี่ยงมีผลกระทบต่อการช่วยเหลือคนไทยที่อยู่ที่นั่นด้วย รายละเอียดเรื่องเหล่านี้เป็นอย่างไร ไล่เรียงพร้อม ๆ กัน มาโนชญ์ อารีย์ หวั่นการสู้รบอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ขยายวงสู่ระดับภูมิภาค ปมการเปิดฉากสู้รบในตะวันออกกลางที่ตอนนี้เสมือนทั้ง 2 ฝ่าย มุ่งแตกหักอย่างจริงจังนั้น เรื่องนี้ อาจารย์ มาโนชญ์ อารีย์ ภาควิชารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ก็ฉายภาพปมแตกหักไว้ 2-3 ประเด็น ทั้งความขัดแย้งในอดีต, การที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย จ่อยกระดับความสัมพันธ์กับอิสราเอล โดยเฉพาะการบุกมัสยิดอัลอักซอ ในนครเยรูซาเลม ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม นี่เองที่ทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลง อาจารย์ มาโนชญ์ ยังระบุด้วยว่า การสู้รบระหว่างอิสราเอล กับ ปาเลสไตน์ รอบนี้คาดการณ์ยากว่าจะกินเวลานานเพียงใด เมื่อเทียบกับในอดีต ข้อสำคัญ ก็มีความกังวลเหมือนกันว่าอาจเกิดการยกระดับปะทะกันขยายวงเป็นระดับภูมิภาคได้ด้วย มาโนชญ์ อารีย์ แนะรัฐบาลไทย ยึดความเป็นกลาง ปมสู้รบอิสราเอล-ปาเลสไตน์ เพื่อไม่ปิดช่องช่วยคนไทย จากปมพิพาทที่พร้อมจะยกระดับนี้เอง อาจารย์ มาโนชญ์ ก็เตือนรัฐบาลไทยด้วยว่า ควรสงวนท่าทีแสดงออก ไม่อิงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เหมือนที่ นายกรัฐมนตรี แสดงความเห็นส่วนตัวผ่านโลกออนไลน์ รวมทั้งควรเร่งประสานทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อขอให้รับรองความปลอดภัยของคนไทย ระหว่างที่ยังไปรับคนไทยกลับมาไม่ได้ เป็นคำเตือนจาก อาจารย์ มาโนชญ์ แต่ที่ดูเหมือนกอบกู้ท่าทีในนามรัฐบาล น่าจะเป็น นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่บอกชัดว่า ที่ประณาม คือ การใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยุติความรุนแรงพร้อมปล่อยตัวผู้บริสุทธิ์ในทันที ก็เป็นท่าทีของรัฐบาลไทย ตอนนี้ก็เฝ้ารอว่าเมื่อไหร่น่านฟ้าจะเปิด เพราะขณะนี้เครื่องบินของเราก็เตรียมพร้อมจะไปรับคนไทยกลับมาแล้ว และภาวนาให้ระหว่างนี้ไม่มีเหตุรุนแรงจนต้องสูญเสียผู้บริสุทธิ์เพิ่มอีก