ก้าวไกล ขับ หมออ๋อง กอดเก้าอี้ รอง ปธ.สภาฯ คว้าตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน
วันที่ 29 ก.ย. 2566 เวลา 07:07 น.
สนามข่าว 7 สี - แยกกันเดิน เปลี่ยนประเทศด้วยกัน คือ เหตุผลที่พรรคก้าวไกล ใช้ในการขับหมออ๋อง ปดิพัทธ์ สันติภาดา ออกจากพรรค เพื่อรักษาเก้าอี้รองประธานสภาฯ เอาไว้ พร้อม ๆ กับคว้าตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านฯ มาครองได้ด้วย แต่ก็ต้องบอกว่าสิ่งที่ได้มา มีราคาที่ต้องจ่าย ก้าวไกล ขับ หมออ๋อง กอดเก้าอี้ รอง ปธ.สภาฯ คว้าตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน ก่อนที่พรรคก้าวไกลจะมีมติออกมาในช่วงค่ำ ๆ ตอนเช้าของวานนี้ มีการดักคอจากนายอดิศร เพียงเกษ ประธานวิปรัฐบาล ว่า อย่าคิดขับหมออ๋อง ปดิพัทธ์ สันติภาดา ออกจากพรรค เพื่อรักษาเก้าอี้รองประธานสภาฯ ไว้ เพราะจะเหมือนกับเป็นการทำนิติกรรมอำพราง นอกจากนี้ ยังมีเสียงเตือนจากคนกันเองอย่าง บก.ลายจุด สมบัติ บุญงามอนงค์ ว่า อย่าขับหมออ๋องเพื่อรักษาตำแหน่งรองประธานสภาฯ มันจะทำลายเกียรติของหมออ๋อง และพรรคก้าวไกล ได้ไม่เท่าเสีย ให้ทำการเมืองแบบตรงไปตรงมา คนเข้าใจง่าย แต่อาจเรียกได้ว่าพรรคก้าวไกล โนสน โนแคร์ เพราะอยากเก็บไว้ทั้ง 2 ตำแหน่ง ทำให้กรรมการบริหารพรรค มีมติขับหมออ๋องออกจากพรรค เปิดทางโล่งให้ นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล คว้าตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านฯ ไปครอง รักษาไว้ได้ทั้ง 2 ตำแหน่ง เหตุผลหลักที่พรรคก้าวไกลเลือกแนวทางนี้ คือ ต้องการเป็นฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์ มีนายชัยธวัช เป็นผู้นำฝ่ายค้านฯ เพื่อกำกับทิศทางการทำหน้าที่ในสภาฯ ของฝ่ายค้าน ให้หมออ๋องได้ทำหน้าที่ รองประธานสภาฯ ต่อ เพราะมีงานสำคัญรออยู่หลายอย่าง ทั้งการทำสภาฯ ให้โปร่งใส และ ผลักดันให้กระบวนการตรวจรับอาคารรัฐสภา ซึ่งมีสัญญาก่อสร้างมูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท มีความโปร่งใส ซึ่งหมออ๋องเองก็ยืนยันจะทำหน้าที่รองประธานสภาฯ ต่อไป โดยทางพรรคหวังว่าหมออ๋องจะยังขับเคลื่อนนโยบายตามที่ได้เคยให้คำมั่นสัญญาไว้ และต้องวางตนเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ถูกกำหนดในรัฐธรรมนูญ มาตรา 80 ทั้งนี้ ตามรัฐธรรมนูญ สส. ที่โดนขับออกจากพรรค จะมีเวลา 30 วัน ในการหาพรรคใหม่สังกัด ไม่เช่นนั้นจะต้องสิ้นสภาพการเป็น สส. แต่ข้อกฎหมายนี้ไม่น่าจะเป็นปัญหา เปิดฉาก ฝากเลี้ยง จับตา หมออ๋อง ย้ายค่าย เพราะคาดว่าน่าจะไปร่วมหัวจมท้ายกับพรรคเป็นธรรม ที่เปิดประตูทุกบานอ้าแขนรอรับอยู่แล้ว และ 10.00 น. วันนี้ หมออ๋องมีนัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนด้วย ต้องตามดูกันต่อว่าวิธีการกินรวบรักษา 2 ตำแหน่งนี้ไว้สิ่งที่ได้มาคุ้มกับสิ่งที่ต้องเสียไปหรือไม่