พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก ก้าวไกล เจอแต่เรื่องร้อน

วันที่ 23 ก.ย. 2566 เวลา 05:13 น.

สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - อาจเรียกได้ว่า พรรคก้าวไกล ตกเกณฑ์ชะตาพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกก็ได้ เพราะตอนแรกคิดว่าจะมาวิน ส่งนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ ได้สัมผัสอำนาจครั้งแรกในฐานะรัฐบาล แต่ก็ถูกเพื่อไทยเท จนต้องตกที่นั่งฝ่ายค้าน และยังอกหักหลายเรื่อง ล่าสุดยังมีรอยร้าวภายในพรรคเกิดขึ้นด้วย เริ่มกันที่เรื่องของตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านฯ กันก่อน ตอนแรกแกนนำพรรคส่ายหัว ไม่สนใจ ไม่อยากได้ เลือกตำแหน่งรองประธานสภาฯ ดีกว่า เพราะมีอำนาจคุมเกมในสภาฯได้ ไม่ใช่ได้แค่กล่อง มีแต่เกียรติ ไร้อำนาจฟาดฟันคนอื่น แต่สุดท้ายรักพี่เสียดายน้อง อยากเก็บไวทั้งสองตำแหน่ง จนอาจต้องใช้วิธีเล่นแร่แปรธาตุ ใช้แท็กติกทางกฎหมาย ให้พรรคขับ หมออ๋อง ปดิพัทธ์ สันติภาดา ออกจากพรรค ไปฝากไว้ที่พรรคเป็นธรรม จะได้รักษาไว้ทั้งเก้าอี้ผู้นำฝ่ายค้านฯ และรองประธานสภาฯคนที่ 1 ซึ่งเรื่องนี้ก็น่าจะมีความชัดเจนภายในสัปดาห์หน้านี้ แต่ที่จะชัดเจนก่อนคือ ในวันนี้น่าจะได้ตัวแล้วว่า ใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่แทน นายพิธา ที่ลาออกจากตำแหน่ง เปิดทางให้พรรคได้นั่งเก้าอี้ผู้นำฝ่ายค้านฯ สมใจ เพราะตอนนี้ตัวเองถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ถ้ายังนั่งแช่คาอยู่บนเก้าอี้หัวหน้าพรรค ก็จะทำให้พรรคก้าวไกล หมดโอกาสที่จะได้ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านฯ แต่แม้ทางจะโล่งแล้ว ก็ยังไม่โปร่งสบายอยู่ดี เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญยังมีกลไกสำคัญล็อกไว้อีกชั้นว่า คนที่จะเป็นผู้นำฝ่ายค้านฯได้ จะต้องเป็นหัวหน้าพรรค ที่เป็น สส. ที่ไม่มีสมาชิกเป็นรัฐมนตรี และประธานหรือรองประธานสภาฯ ดังนั้น หากอยากเก็บไว้ทั้งสองตำแหน่ง ก็ต้องขับหมออ๋อง ให้พ้นจากพรรคก้าวไกล แต่หากเลือกที่จะทำอย่างนั้นจริง พรรคก้าวไกล ก็มีราคาที่ต้องจ่ายเหมือนกัน โดยเฉพาะภาพลักษณ์ ที่ตอนนี้โดนโจมตีหนักเหมือนกันว่า "เหลี่ยมทุกดอก แล้วบอกตรงไปตรงมา" นี่น่ะหรือการเมืองแบบใหม่ โดย หมออ๋อง บอกไว้ว่า จะใช้วิธีการนี้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ที่จะได้กันในวันนี้ ต่อกันที่เรื่องอกหัก หนักใจของพรรคก้าวไกล หลังไม่สมหวังกับการต่อสู้เพื่อให้ได้ตำแหน่ง ประธานกรรมาธิการ ป.ป.ช. แม้จะยื้อมาได้หลายสัปดาห์ สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว เรียกว่าจบแบบพรรคก้าวไกลเจ็บ เรื่องร้อน ๆ ในพรรคก้าวไกลยังไม่จบเท่านี้ ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมายังมีประเด็นสตรีพิฆาต 2 กรณี ไล่ตั้งแต่ดรามาล่าแม่มด ที่ทัวร์รุมถล่มหนักไปที่ นางสาวอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล หรือ เจ๊เจี๊ยบ ที่ปรึกษารองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ที่ออกมาโพสต์ข้อความ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็น ชื่อ ที่อยู่บ้าน และที่ทำงาน หรือแม้กระทั่งชื่อพ่อ-แม่ รวมถึงไปหาคู่กรณีถึงที่บ้านและที่ทำงาน พยายามเข้าไปพูดคุยกับนายจ้าง เพื่อชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมที่ตนรู้สึกว่าไม่เหมาะสมของลูกน้องในปกครอง งานนี้ลามไปถึงการกดดันไปที่พรรคก้าวไกล และหมออ๋อง ให้ปลดจากตำแหน่ง ที่ปรึกษารองประธานสภาฯ กันเลยทีเดียว ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก หลังผู้นำหญิงคนสำคัญอย่าง ช่อ พรรณิการ์ วานิช อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ถูกศาลฎีกา พิพากษาฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง ตัดสิทธิการเมืองตลอดชีพ จากการโพสต์ข้อความพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ ในทำนองไม่เคารพ สร้างความเข้าใจผิดต่อเนื่อง ตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษายาวมาจนได้เป็น สส. กลายเป็นการปิดฉากการเมืองของนางสาวพรรณิการ์ไปอย่างถาวรแล้ว หลังมีคำพิพากษา คนที่ออกมาบ่นใส่พรรคก้าวไกลดัง ๆ ก็คือ อาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล ที่มองว่าพรรคก้าวไกลดูจะแล้งน้ำใจกับนางสาวพรรณิการ์ไปหน่อย เพราะไม่ออกมาเทกแอ็กชันอะไรเลย ต่อมา อาจารย์ปิยบุตร ถูกด้อมส้มรุมถล่ม งอนหนักถึงขั้นประกาศยุติบทบาทการเมืองกันเลย อาจารย์ปิยบุตร ให้เหตุผลไว้ว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เสนอแนะพรรคก้าวไกล ก็จะมีความเห็นตอบโต้ในทำนองว่า เป็นผู้บงการพรรคตัวจริงบ้างล่ะ ไม่หวังดีกับพรรคบ้างล่ะ ทำให้รู้สึกว่าแล้วจะให้คำแนะนำไป ในเมื่อทำแล้วมีแต่เสียกับเสีย ก็เรียกว่างอนหนักเลยที่ถูกด้อมส้มเข้าไปรุมถล่ม สุดท้าย อาจารย์ปิยบุตร ตกผลึกว่า ตัวเองอยู่ในสภาวะ "กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง" มาหลายปีแล้ว จึงขอตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะไปหาอย่างอื่นทำ ค่อย ๆ ถอนตัวจากแวดวงการเมืองซะเลย แต่ก่อนจะวางมือ มีการฉายหนังตัวอย่างไว้ว่า ยังมีข้อเขียนถึงพรรคก้าวไกล ที่จะทยอยเผยแพร่ใน 2-3 วันนี้ อีก 3 ตอน จากนี้ก็คงต้องติดตามต่อว่า แกนนำพรรคก้าวไกล จะง้ออาจารย์ปิยบุตรยังไง และจะง้อสำเร็จหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ อาจารย์ปิยบุตร ก็เคยมีวิวาทะตอบโต้รุนแรงกับนายพิธา ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งมาแล้วครั้งหนึ่ง ก่อนจะจบแบบแฮปปีเอนดิง ร้องเพลงเคลียร์ใจ โดยมี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นกาวใจ มาคราวนี้จะจบแบบเดิม หรือจบแบบเจ็บ ต้องปูเสื่อรอดู