ฝีดาษลิง เจอต่อเนื่อง สัปดาห์เดียวป่วยเพิ่ม 42 คน เกินครึ่งมีเชื้อ HIV
วันที่ 21 ก.ย. 2566 เวลา 11:44 น.
ฝีดาษลิงหรือโรคฝีดาษวานร พบอย่างต่อเนื่อง สัปดาห์เดียวป่วยเพิ่ม 42 คน ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชายรักชาย เกินครึ่งมีเชื้อ HIV ร่วมด้วย กรมควบคุมโรค ย้ำโรคนี้ป้องกันได้ งดมีเพศสัมพันธ์กับคนไม่รู้จัก ฝีดาษลิง วันนี้ (21 ก.ย.66) นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงสถานการณ์ล่าสุดของโรคฝีดาษวานรในประเทศไทย (1 ม.ค. - 18 ก.ย.66) มีรายงานพบผู้ป่วยรวม 385 คน เสียชีวิต 1 คน ซึ่งมีประวัติเป็นผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง และในสัปดาห์นี้พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 42 คน แบ่งเป็นเพศชาย 41 คน เพศหญิง 1 คน แบ่งเป็นสัญชาติไทย 38 คน คิดเป็นร้อยละ 90.5 สัญชาติเมียนมา 2 คน สัญชาติจีน 1 คน และสัญชาติอิตาลี 1 คน สำหรับผู้ป่วยฝีดาษวานรรายใหม่ที่พบเป็นผู้ติดเชื้อ HIV ร่วมด้วย 29 คน คิดเป็นร้อยละ 69.0 ของผู้ป่วยใหม่ทั้งหมด และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชายรักชาย 33 คน Bisexual 3 คน ชายรักหญิง 3 คน ไม่ระบุ 3 คน ทั้งนี้ พบว่าผู้ป่วยใหม่ 17 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 40.5 มีประวัติเสี่ยงมีเพศสัมพันธ์กับคนไม่รู้จัก นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แนะนำผู้ที่มีประวัติเสี่ยงสัมผัสใกล้ชิด หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยสงสัยฝีดาษวานร ได้แก่ 1) มีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วย 2) ทำความสะอาดห้องหรือใช้ห้องน้ำร่วมกับผู้ป่วยขณะผู้ป่วยมีอาการ 3) เป็นผู้ดูแลผู้ป่วยสงสัยหรือผู้ป่วยฝีดาษวานรขณะป่วย 4) พูดคุยกับผู้ป่วยในระยะ 1 เมตร โดยไม่สวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ปิด 5) นั่งชิดติดกับผู้ป่วยสงสัยหรือผู้ป่วยฝีดาษวานร โดนไอจามรดโดยไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย หากมีประวัติดังกล่าว ให้สังเกตอาการตนเองภายหลังสัมผัสผู้ป่วยภายใน 21 วัน หากมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ต่อมน้ำเหลืองโตบริเวณหลังหู คอ ขาหนีบ หรือมีอาการเจ็บคอ คัดจมูก ไอ มีผื่น ตุ่มน้ำ ตุ่มหนองขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือบริเวณรอบๆ รวมถึงมีผื่น ตุ่มน้ำ ตุ่มหนองขึ้นตามมือ เท้า หน้าอก ใบหน้า บริเวณปาก หรือ อวัยวะเพศและรอบทวารหนัก เป็นต้น ให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษา พร้อมกับแยกตัวออกจากสมาชิกในครอบครัว ที่พัก หรือ สถานที่ทำงาน ทั้งนี้ ขอย้ำเตือนว่า โรคฝีดาษวานร สามารถป้องกันได้ โดยงดเพศสัมพันธ์กับคนไม่รู้จัก ไม่สัมผัสแนบเนื้อกับผู้ที่มีผื่น ตุ่มหรือหนอง แนะนำให้ล้างมือบ่อยๆ และไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น