นักธุรกิจชาวจีน จอดรถกินข้าว กลับมา เจอรถถูกทุบกระจก เงินสด 1 ล้านหายเกลี้ยง
วันที่ 14 ก.ย. 2566 เวลา 10:32 น.
นักธุรกิจชาวจีน แวะจอดรถกินข้าว กลับมาเจอรถถูกทุบกระจก เงินสด 1 ล้านหายเกลี้ยง วันนี้ (14 ก.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ ร.ต.อ.สมบัติ แก้วมูลมุก สว.สอบสวน สภ.เมืองพัทยา สาขาโค้งดงตาล ได้รับแจ้งเหตุมีคนมาทุบกระจกรถยนต์ และลักขโมยเงินสดไป จำนวนมาก จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และรีบเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยชุดสืบสวน เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นลานจอดรถ ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง บนถนนเทพประสิทธิ์ พบรถตู้สีน้ำตาล มีชาวจีน 6 คน (ผู้ใหญ่ 5 คน เด็ก 1 คน) ยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ โดยชาวจีนแจ้งว่า รถถูกทุบกระจก คนร้ายได้ลักขโมยเงินสดสกุลต่างๆ ที่ใส่ไว้ในกระเป๋าไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าตรวจสอบรถคันที่ถูกทุบกระจกพบว่ารถคันดังกล่าว ถูกทุบกระจกด้านหลังฝั่งเดียวกับคนขับด้วยอิฐตัวหนอน พบว่ากระจกแตกละเอียด จึงบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน ก่อนเชิญตัวชาวจีนทั้งหมดไปสอบปากคำที่ สภ.พัทยา สอบถามผู้เสียหายชาวจีนทราบชื่อ MR. JI BIAO อายุ 62 ปี และ MR. JI QING อายุ 50 ปี โดยก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายวานให้เพื่อนชาวจีนช่วยขับรถมารับที่สนานบินสุวรรณภูมิ จากนั้นก็ขับรถพาผู้เสียหายไปกินข้าว โดยจอดรถที่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านถนนเทพประสิทธิ์ เมื่อกินข้าวเสร็จกลับมา พบว่ารถถูกทุกกระจก มีทรัพย์สินหายไป เป็นเงินสด รวมกันจำนวนกว่า 1 ล้านบาท โดยเป็นทรัพย์สินของ MR.JI BIAO ประกอบด้วย เงินสด 12,000 หยวน (60,000 บาท) เงินสด 100,000 ดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 450,000 บาท) เงินสดไทย 80,000 บาท กระเป๋าสะพายยี่ห้อ BV สีดำ 1 ใบ ราคา 150,000 บาท และยังมีเอกสาร พาสปอร์ต บัตรประจำตัวประชาชนจีน เอกสารต่างๆ อีกหลายรายการ และทรัพย์สินของ MR.JI QING ได้แก่ เงินสด 100,000 หยวน (ประมาณ 500,000 บาท) เงินสด 2,000 ดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 9,000 บาท) เงินสด 500 ริงกิต (ประมาณ 5,000 บาท) กระเป๋าสะพายยี่ห้อ BV สีดำ 1 ใบ ราคา 150,000 บาท หนังสือเดินทาง บัตรประจำตัวประชาชนจีน และเอกสารอื่นๆ อีกหลายรายการ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อทั้งหมด เพราะคนที่รู้ความเคลื่อนไหวของผู้เสียหาย มีแค่คนที่นั่งมาในรถเท่านั้น แต่จากการสอบปากคำไม่พบพิรุธ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อแกะรอยติดตามผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป