สายสัมพันธ์ตำรวจกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่

วันที่ 14 ก.ย. 2566 เวลา 07:04 น.

สนามข่าว 7 สี - งานเลี้ยงบ้านกำนันนก มีคำถามว่า ตำรวจในพื้นทีมีความสนิทสนมกับกำนันนกมากน้อยขนาดไหน ถึงขั้นช่วยในการหลบหนีและทำลายหลักฐาน บางนายมีหลักฐานว่าได้รับเงินโอนจากผู้ต้องหาด้วย จนหลายฝ่ายมองว่าเพราะอยู่ในพื้นที่นานเกินไปหรือไม่ถึงได้สนิทและรับใช้กันขนาดนี้ ขณะที่เพื่อนสนิทของผู้กำกับเบิ้ม ออกมาโต้แย้งข้อมูลนี้ พันตำรวจเอกวชิรา หรือ ผู้กำกับเบิ้ม ย้ายไปเป็นผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง เมื่อปลายปี 2564 ดูแลสถานีทางหลวงครอบคลุม 11 จังหวัด โยกย้ายมาจากผู้กำกับการ สังกัดกองบังคับการปฎิบัติการพิเศษ กองบัญชาการสอบสวนกลาง อยู่ที่นั่น 1 ปีกว่า ๆ ส่วน พันตำรวจตรี ศิวกร หรือ สารวัตรแบงค์ เพิ่งย้ายไปที่สถานีทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีเพื่อนสนิทของทั้งคู่เผยกับทีมสนามข่าว 7 สี ว่าจริงแล้วทั้งผู้กำกับเบิ้ม และสารวัตรแบงค์ ไม่ได้สนิทสนมกับผู้กว้างขวางในพื้นที่ เพราะเพิ่งย้ายมารับตำแหน่งไม่นาน เหตุที่ไปร่วมงานเลี้ยงของกำนันนก น่าจะเกรงใจไม่อยากมีปัญหามากกว่า ไม่ได้หมายความว่าจะยอมศิโรราบไปทุกเรื่อง เพราะนิสัยผู้กำกับเบิ้มเป็นคนไม่ยอมใคร แต่กับเพื่อนและน้อง ๆ จะรักและประณีประนอม จึงเชื่อว่าต่างจากตำรวจหลาย ๆ นาย ที่อยู่มานาน รู้จักคนใหญ่คนโตในจังหวัด    สอดคล้องกับข้อมูลของตำรวจชุดตรวจสอบที่พบว่า กำนันนก และนายหน่อง โอนเงินให้กับตำรวจระดับรองสารวัตร และชั้นประทวนบางนาย ตั้งแต่ 5,000-10,000 บาท จนมีคำถามตามมาว่า การที่ตำรวจอยู่ประจำพื้นที่นาน ๆ ไม่มีการโยกย้ายไปไหน ทำให้เกิดความสนิทสนมกับผู้กว้างขวาง หรือผู้มีอิทธิพลในพื้น แล้วหากคนกลุ่มนี้ทำผิดกฏหมาย ตำรวจเหล่านี้จะเกรงใจแล้วกล้าดำเนินคดีหรือไม่ มีคนตั้งคำถามว่าถึงเวลาแล้วที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควรต้องทบทวนระเบียบการโยกย้ายข้าราชการในพื้นที่ ไม่ควรอยู่นานเกินไป ซึ่งตามระเบียบ ตร.การโยกย้ายระดับผู้กำกับการจะอยู่ในตำแหน่ง 4 ปี จากนั้นก็โยกย้ายไปอื่น ส่วนระดับอื่น ๆ ในระเบียบไม่ได้ระบุ เพราะจริงแล้วอยู่ที่ตัวบุคคลนั้น ๆ ว่าจะวางตัวอย่างไรมากกว่า ส่วนที่หลายคนมองว่า ตำรวจพอมีเรื่องทำผิดก็จะถูกโยกย้ายไปประจำ หรือเข้ากรุ แล้วก็กลับมาที่เดิม เป็นการลดกระแสมากกว่า โฆษกตำรวจย้ำว่า ไม่อยากให้คิดเช่นนั้น เพราะทุกเรื่องต้องโปร่งใส ให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ผิดก็ดำเนินการตามระเบียบวินัย หากไม่ผิดก็ต้องคืนความเป็นธรรม