ยังไม่จบ! ร้านหาดใหญ่โดนขู่ฟ้องอีก เพราะใช้ถ้วยเหมือนคาเฟดัง

วันที่ 1 ก.ย. 2566 เวลา 16:33 น.

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ยังไม่เลือนหายไปจากหน้าสื่อง่าย ๆ สำหรับดรามา "ปังชา" ของร้านลูกไก่ทอง ล่าสุด ร้านคาเฟ่ในเมืองหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ออกมาบอกว่า ที่ร้านก็โดนโนติสจากทนายความของร้านลูกไก่ทอง ให้หยุดใช้ถ้วยที่เหมือนของร้านลูกไก่ทอง ไม่อย่างนั้นจะโดนคิดค่าเสียหาย 2 ล้านบาท และจะดำเนินการตามกฎหมาย นีเป็นโพสต์ของเจ้าของร้านคาเฟ่ "ตั้งใจชง" ในเมืองหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ที่โพสต์ภาพเจ้าของร้านกำลังยืนถือจดหมายโนติสจากสำนักงานทนายความ พร้อมกับจดหมายโนติสฉบับเต็ม และข้อความว่า "เดี๋ยวจะหาว่าตกเทรนด์ ร้านนุ๊กก็โดนเบา ๆ 2 ล้านเอง เปลี่ยนถ้วยแทบไม่ทัน เค้าไม่ให้ใช้ถ้วยเหมือนเค้า ที่ซื้อจากจตุจักรมาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว" ในเอกสาร ระบุข้อความ ให้ยุติการใช้ผลิตภัณฑ์ถ้วยไอศกรีม ที่ได้รับสิทธิบัตรของผู้อื่น เนื่องจากบริษัทผู้ร้อง ได้รับสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ จากกรมทรัพทย์สินทางปัญญา ตามสิทธิบัตรเลขที่ 82273 ขอให้ร้านตั้งใจชง ยุติการใช้ผลิตภัณฑ์ถ้วยไอศกรีมดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นผลิต ขาย ใช้ภายในร้าน หรือแม้แต่เป็นภาพถ่ายเพื่อการโฆษณา โดยขอให้ลบรูปภาพดังกล่าวออก นับตั้งแต่ได้รับหนังสือฉบับนี้ หากยังเพิกเฉย บริษัทขอคิดค่าเสียหายในส่วนนี้ เป็นจำนวนเงิน 2,000,000 บาท และจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ ร้านตั้งใจชง ยังโพสต์ภาพปังชา พร้อมข้อความ "ปังหนาว ชาไทย" พร้อมให้บริการ ซึ่งมีคนเข้ามาคอมเมนต์หลากหลาย เช่น อันนี้ตั้งใจชง อันนั้นตั้งใจฟ้อง ผู้สื่อข่าวไปที่ร้านตั้งใจชง เป็นร้านที่เปิดมาประมาณ 6 ปีแล้ว และหยุดขายในช่วงโควิด-19 ไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะกลับมาเปิดขายอีกครั้ง เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขายชา กาแฟ เบเกอร์รี่ ของหวาน น้ำแข็งใส ส่วนถ้วยไอศกรีมที่ถูกกล่าวถึงนั้น ใช้สำหรับใส่ของหวานเมนูปังเย็นชาไทย ปังเย็นโกโก้ ปังเย็นชาเขียว และเมนูปังหนาว มีลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่มีจุดแตกต่างกันที่ของทางร้านจะเป็นถ้วยแบบ 3 แฉก แต่ของแบนรด์ปังชาเป็นถ้วย 4 แฉก รวมทั้งที่ขาถ้วยก็แตกต่างกันด้วย โดยของทางร้านขาถ้วยหุบเข้าใน แต่ของแบรนด์ปังชา จะผายออกนอก ซึ่งถ้วยแบบนี้ เจ้าของร้าน ซื้อมาจากตลาดนัดจตุจักร กรุงเทพฯ เมื่อราว 10 ปีก่อน พนักงานของร้านนำภาชนะใส่ปังชาดังกล่าวมาให้ดู พร้อมกลับเล่าว่าเป็นภาชนะชุดนี้เลยที่โดน โดยมีรายละเอียดให้เปลี่ยนเพราะไปเหมือนกับร้านลูกไก่ทอง ทางร้านจึงไปซื้อถ้วยชุดใหม่มาเปลี่ยนหมดเลย และเขียนจดหมายไปบอกว่าทางร้านไม่ใช้แบบเดิมแล้ว ผู้สื่อข่าวโทรศัพท์สอบถามทนายความตามหนังสือโนติสดังกล่าว เล่ารายละเอียดว่า เมื่อได้สิทธิบัตรมาจากหน่วยงานของรัฐ ก็เชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า สิทธิ์หลายสิทธิ์ที่อยู่ในมือ ถูกคุ้มครองตามกฎหมาย และอยู่ในสภาพบังคับใช้ โดยการส่งโนติสไปที่ร้านตั้งใจชง หรือ ร้านอื่น ๆ แค่พยายามปกป้องสิทธิ์ แค่ระงับยับยั้ง ด้วยการแจ้งเตือน เมื่อมีการติดต่อเจรจาก็เป็นอันยุติ ไม่เคยดำเนินคดีถึงศาล เพราะไม่ใช่วัตถุประสงค์ที่ต้องการทำอย่างนั้น กรณีของร้านตั้งใจชง เมื่อส่งหนังสือไป ทางร้านโทรศัพท์กลับมาคุย และบอกว่า ไม่ได้ตั้งใจ ไม่รู้ ไม่ทราบ ไม่ได้ละเมิด จากนั้น ทางร้านบอกจะยกเลิกการกระทำละเมิด ลบรูปออก และโพสต์ขอโทษ โดยที่ทางทนายความผู้รับมอบอำนาจจากลูกไก่ทอง ไม่เคยได้เงิน หรือดำเนินคดีต่อเลย กรณีนี้ เริ่มจากคำว่า "ปังชา" หรือ "Pang Cha" ที่ทนายของร้านลูกไก่ทอง ส่งโนติสให้ร้านอื่นว่าละเมิดเครื่องหมายการค้านั้น ลามไปถึงเรื่องอื่น ๆ อีก คำว่า "ปังชา" หรือ "Pang Cha" ร้านอื่นใช้ได้ ไม่ได้ละเมิดเครื่องหมายการค้า เพราะสิ่งที่ร้านลูกไก่ทองจดทะเบียนไว้ คือ เครื่องหมายการค้าตามรูป และฟอนต์ตัวหนังสือ ที่จดสิทธิบัตรและออกแบบผลิตภัณฑ์ไว้ แต่ว่าเรื่องรูปเครื่องหมายที่ไปจดไว้ ที่เป็นภาพวาดลายเส้นหญิงชุดไทยนั่งพับเพียบ เกล้าผมมวยพันอก ทัดดอกไม้ ใส่สร้อยคอ ยื่นมือขวาเหยียด ก็เป็นประเด็นที่มีนักออกแบบท่านหนึ่ง ออกมาบอกว่า ไปคล้ายกับผลงานที่เขาเคยออกแบบให้ปฏิทินสินค้ายี่ห้อหนึ่ง ซึ่งประเด็นนี้ทางเจ้าของลูกไก่ทองเอง ชี้แจงว่า โลโก้นี้มีการจ้างออกแบบ ดังนั้นจะขอไปตรวจสอบก่อน ส่วนเรื่องผลิตภัณฑ์ถ้วยไอศครีม ที่ลูกไก่ทองระบุว่าได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไว้ ยังไม่มีคำอธิบายที่เฉพาะเจาะจงในเรื่องนี้ มีเพียงที่ทนายความของลูกไก่ทอง อธิบายว่า เป็นหนึ่งในสิทธิ์ที่ได้ไปจดเครื่องหมายการค้าไว้ แต่ผลจากดรามาปังชา ก็ทำให้ร้านที่ชื่อคล้ายกันได้รับผลกระทบเหมือนกัน ล่าสุด ร้านไก่ทอง ออริจินัล ได้ออกหนังสือชี้แจง ว่า เนื่องจากทางร้านได้รับทราบถึงกระแสข่าวที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ในฐานะผู้ประกอบการธุรกิจประเภทเดียวกัน เรารู้สึกเห็นใจ และเข้าใจผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างมาก ร้านของเราก็เป็นหนึ่งในร้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวเช่นกัน จากเชื่อร้านที่มีความคล้ายคลึง ทำให้หลายท่านเกิดความสับสนและเข้าใจผิด จึงขอชี้แจงให้ทราบว่า ร้านไก่ทอง ออริจินัล และ ร้านลูกไก่ทอง ไม่ใช่ร้านเดียวกัน ไม่มีความเกี่ยวข้องในการตัดสินใจ และการดำเนินการใด ๆ ทั้งทางธุรกิจ และการบริหาร ซึ่งปัจจุบัน ร้านไก่ทอง ออริจินัล มีทั้งหมด 4 สาขา เท่านั้น และร้านในเครือไก่ทอง ออริจินัล มี 2 สาขา ความคืบหน้าล่าสุด คุณแก้ม เจ้าของร้านลูกไก่ทอง ได้ออกรายการดัง กล่าวขอโทษร้านที่ได้รับผลกระทบ ถูกส่งโนติส พร้อมกล่าวถึงความพยายามในการสร้างแบรนด์ว่า ถ้วยทองเหลืองที่ไปจดลิขสิทธิ์ มาจากภูมิปัญญา มาจากการคิดค้น ด้วยความคิดของตัวเอง แต่เสียใจที่สุด ที่ตอนนี้มันไปอยู่ในมือของต่างชาติ นอกจากนี้ยังชี้แจงประเด็นการลอกเลียนแบบลายผู้หญิงไทย ที่ดูเทียบเคียงแล้วคล้ายกับภาพโปรโมตของสุรายี่ห้อดัง ว่า ภาพวาดเป็นภาพที่ไปจ้างบริษัทมาวาด โดยใช้ภาพของตัวคุณแก้มเองเป็นต้นแบบ ซึ่งคุณแก้มใส่ชุดไทยถ่ายแบบ มีคลิปทั้งหมด โดยตอนบรีฟบริษัทได้บอกว่า ชอบศิลปะแบบไทย ๆ ชอบแนวทางคล้าย ๆ กับรีเจนซี่ แต่ไม่ได้มีเจตนาจะลอกเลียนแบบใคร