ขายมือถือต้องระวัง รวบ แอร์-ราเชน เซียนตบมือถือทั่วกรุงฯ

วันที่ 1 ก.ย. 2566 เวลา 12:39 น.

ขายมือถือต้องระวัง รวบ แอร์-ราเชน เซียนตบมือถือทั่วกรุงฯ เจอเหยื่อนับร้อยราย ความเสียหายนับล้าน มั่นใจฝีมือตบตา สารภาพเล่นพนัน-เปย์สาว ขายมือถือต้องระวัง วานนี้(31 สิงหาคม 2566) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.ร่วมกับ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. สั่งการ เจ้าหน้าที่ สืบนครบาล และเหล่านักเรียนอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 112 ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายวิมลสรากร หรือ นายวัฒนชัย(ชื่อเดิม) ชื่อเล่น แอร์ ชื่อแฝง ราเชน อายุ 29 ปี อาศัยอยู่ในพื้นที่ ถ.จรัญสนิทวงศ์ แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย จ.กรุงเทพฯ กระทำความผิดฐาน "ลักทรัพย์ผู้อื่นโดยใช้กลอุบาย" ตามหมายจับ 4 หมายจับ 1.หมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 18 ส.ค. 66 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ โดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” พื้นที่ สน.พญาไท 2.หมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ลงวันที่ 29 มิ.ย. 66 ข้อหา “ฉ้อโกงทรัพย์” พื้นที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 3.หมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ลงวันที่ 25 ม.ค. 66 ข้อหา “ลักทรัพย์ผู้อื่นโดยใช้กลอุบาย” พื้นที่ สภ.ประตูน้ำจุฬา 4.หมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ลงวันที่ 5 พ.ค. 66 ข้อหา “ตัวการในข้อหาถ้าการกระทำความผิดทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบเป็นการกระทำโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือการบริการสาธารณะหรือเป็นการกระทำต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่มีไว้เพี่อประโยชน์สาธารณะ” พื้นที่ สภ.สำโรงเหนือ นอกจากนี้ยังพบประวัติต้องโทษคดีในลักษณะเดียวกันตั้งแต่ปี 2564 ถึงปัจจุบันอีกกว่า 11 คดี ในพื้นที่ สน.ห้วยขวาง , สน.บุคคโล , สน.สำราญราษฎร์ , สน.พญาไท , สน.บางกอกน้อย , สน.โชคชัย , สน.บางยี่เรือ , สภ.คลองหลวง , สภ.ประตูน้ำจุฬา และ สภ.สำโรงเหนือ     โดยพฤติการณ์ของนาย แอร์-ราเชน หรือ นายวิมลสรากร นักต้มตุ๋นรางวัลออสก้า อาชญากรสุดแสบที่ตระเวน หลอกซื้อโทรศัพท์มือถือ มีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อทั่วกรุงเทพฯไม่ต่ำกว่า 100 ราย ความเสียหายรวมไม่ต่ำกว่าล้านบาท เริ่มต้นจากเจ้าตัวจะแฝงตัวอยู่ในเฟซบุ๊กตามกลุ่มซื้อขายโทรศัพท์ จากนั้นจะหาเหยื่อที่ โพสต์ขายโทรศัพท์ เพื่อติดต่อขอซื้อโดยวิธีการ ชนมือ หรือการนัดพบเพื่อซื้อขายนั้นเอง เจ้าตัวจะเลือกเหยื่อที่อยู่ในพื้นที่ จ.กรุงเทพฯ ซึ่งไม่ไกลจากที่พัก จากนั้นเมื่อคนร้ายได้นัดหมายเจอกันกับเหยื่อ และถึงขั้นตอนการจ่ายเงินซื้อโทรศัพท์จากเหยื่อ คนร้ายจะทำทีกดโทรศัพท์โอนเงิน แต่จะโอนในรูปแบบ โอนล่วงหน้า กรรมวิธีนี้แนบเนียนเพราะหน้าที่ทำรายการจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับการโอนเงินจริง และแม้จะไม่มีเงินในบัญชีก็สามารถกดโอนล่วงหน้าเช่นนี้ได้ เมื่อคนร้ายกดโอนเงินล่วงหน้าสำเร็จแล้ว แอปพลิเคชันธนาคารจะขึ้นว่าการโอนเงินล่วงหน้าสำเร็จ คนร้ายจะนำภาพสลิปโอนเงินซึ่งเป็น สลิปปลอม โชว์ให้เหยื่อดู เสมือนมีการโอนเงินให้เหยื่อแล้วจริง ๆ เมื่อเหยื่อเห็นว่าคนร้ายได้โอนเงินให้แล้วก็ส่งมอบโทรศัพท์ให้ไปเหมือนเป็นการปิดการขายแล้วแยกย้ายกันไป กว่าเหยื่อจะรู้ตัวอีกทีก็ต่อเมื่อได้ตรวจสอบเงินในบัญชีของตัวเองโดยละเอียดเท่านั้น ปัจจุบัน เหล่าผู้เสียหายผุดขึ้นมาไม่ต่ำกว่า 100 รายแล้ว พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่งชุดสืบนครบาล และ สืบ112 ติดตามไล่ล่าคนร้ายรายนี้ แต่เจ้าตัวมีทักษะการหลบหนี เพราะเคยถูกกลุ่มผู้เสียหายไล่ล่า และเคยถูกจับกุมตัวมาแล้ว 1 ครั้ง ต้องงัดแผน ล่อเข้ แฝงตัวเป็นพ่อค้าขายโทรศัพท์ในเฟซบุ๊ก กระทั่งคนร้ายติดต่อมาซื้อโทรศัพท์จากทีมสืบสวน นัดหมายและสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ที่ บริเวณร้านอาหารตามสั่งหน้าสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (สายใต้เก่า) แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย จ.กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 31 ส.ค.66 เวลาประมาณ 20.40 น. ในชั้นจับกุม นายวิมลสรากร ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ระบุว่า เริ่มเดินสายโจรตั้งแต่พ่อเสียชีวิตและถูกญาติพี่น้องเอาเงินประกันไปหมด โดยแรกเริ่มได้ไอเดียจากการลองโอนเงินแบบโอนล่วงหน้า จึงเกิดไอเดียในการหลอกลวงคนอื่น โดยเงินที่ได้มาจะนำไปเล่นการพนัน และนำไปเปย์ให้กับสาวไซด์ไลน์ และยอมรับว่าก่อเหตุลักษณะนี้มาหลายปีแล้ว ในครั้งแรกการแสดงไม่เนียนถูกจับได้ก็ถูกไล่กระทืบ บางครั้งถึงกับต้องกราบเท้าเจ้าของโทรศัพท์เพื่อให้รอดจากสถานการณ์ ซึ่งสั่งสมมาเป็นประสบการณ์จนปัจจุบัน มั่นใจว่าทำได้อย่างแนบเนียน ไม่คิดว่าจะมาถูกตำรวจจับได้จากการล่อซื้อแบบนี้ เบื้องต้น ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป