คปท.ยื่น ปลัดยุติธรรม ยุติการเลือกปฏิบัติเป็นกรณีพิเศษแก่ น.ช.ทักษิณ

คปท.ยื่น ปลัดยุติธรรม ยุติการเลือกปฏิบัติเป็นกรณีพิเศษแก่ น.ช.ทักษิณ

วันที่ 24 ส.ค. 2566 เวลา 14:25 น.

คปท. เรียกร้อง ปลัดกระทรวงยุติธรรม  ยุติการเลือกปฏิบัติเป็นกรณีพิเศษปฎิบัติ นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร โดยใช้ข้ออ้างปัญหาสุขภาพ และการรักษาโรค โดยต้องจัดการดูแลอย่างเท่าเทียมกันทุกรายไม่เกิดภาวะ “สองมาตรฐาน” จนนำไปสู่วิกฤติศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรมในสังคมไทย วันนี้ ( 24 ส.ค.66) เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย ออกแถลงการณ์เรียกร้อง ปลัดกระทรวงยุติธรรม  ยุติการเลือกปฏิบัติเป็นกรณีพิเศษปฎิบัติ นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร โดยใช้ข้ออ้างปัญหาสุขภาพ และการรักษาโรค ซึ่งขัดต่อความรู้สึก และการรับรู้ของประชาชนที่ได้เห็นผ่านสื่อต่างๆมาก่อนหน้านี้ของนายทักษิณ  โดยขณะที่ มีการตั้งคำถามว่านักโทษสูงวัยรายอื่นๆ กรมราชทัณฑ์จะจัดการดูแลอย่างเท่าเทียมกันทุกรายหรือไม่ หรือจะให้อภิสิทธิ์เยี่ยงนี้เกิดขึ้นเฉพาะราย จนเกิดคำกล่าวขานว่า “คุกมีไว้ขังเฉพาะคนจน”  จึงขอเรียกร้อง ให้กระทรวงยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์ บังคับใช้กฎหมายราชทัณฑ์ อย่างโปร่งใส เท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อให้การอำนวยความยุติธรรมไม่เกิดภาวะ “สองมาตรฐาน” จนนำไปสู่วิกฤติศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรมในสังคมไทย ดังนี้ คือ 1. กรณีที่นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจหรือ โรงพยาบาลเอกชน เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานและจริยธรรมทางการแพทย์ กรมราชทัณฑ์ควรเชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากราชวิทยาลัยอายุรแพทย์มาตรวจร่างกายนักโทษชายทักษิณ โดยละเอียดอีกครั้งว่า มีความจำเป็นต้องรับการรักษาโดยโรงพยาบาลภายนอกหรือไม่ เพื่อไม่ให้เป็นที่ครหาโดยสังคมทั่วไป และป้องกันมิให้มีการฟ้องร้องแพทย์ของกรมราชทัณฑ์ จนเกิดเป็นคดีอาญาในการช่วยเหลือผู้ต้องขังให้ได้รับความสะดวกสบายผิดจากข้อเท็จจริงทางการแพทย์ 2. กรมราชทัณฑ์ ต้องดำเนินการให้นักโทษชายทักษิณ ซึ่งยังอยู่ในฐานะผู้ต้องขัง ให้มีมาตรฐานเดียวกับผู้ต้องขังอื่นปฏิบัติตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ ฉบับลงวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๕ ที่ระบุว่า นักโทษชายทุกคนต้องไว้ผมสั้น ด้านหน้าและกลางศีรษะยาวไม่เกิน ๕ ซม. รวมทั้งเรื่องการแต่งกาย ในกรณีที่มีข้อยกเว้นว่าเป็นผู้สูงวัยอายุมากแล้ว ควรระบุให้ข้อยกเว้นนั้นๆ เป็นสิทธิโดยทั่วไปที่เข้าถึงได้โดยมิต้องร้องขออย่างเท่าเทียมกันของนักโทษผู้สูงวัยอื่นๆ ด้วย 3. กระทรวงยุติธรรม ต้องดำเนินการให้การคุมขังนักโทษชายทักษิณ เป็นไปตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ ทั้งการเลื่อนชั้นนักโทษ การดำเนินการขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย ให้เป็นไปตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด ไม่ควรให้เกิด “อภิสิทธิ์” หรือ “ข้อยกเว้น” ใดๆ จนเกิดเป็น “สองมาตรฐาน” ขึ้นในกระบวนการยุติธรรม หรือสยบยอมให้อำนาจทางการเมืองเข้าแทรกแซงการทำงานของข้าราชการ จนเกิดการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา ๑๕๗ แห่งประมวลกฎหมายอาญา 4. ผู้ต้องขังทุกคนมีสิทธิขอพระราชทานอภัยโทษ และการพระราชทานอภัยโทษอันเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตย ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๗๙ และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๕๙ แต่การขอพระราชทานอภัยโทษในคดีทุจริตนั้นไม่เคยมีมาก่อน จึงอาจสร้างบรรทัดฐานใหม่ ส่งผลให้นักการเมือง ข้าราชการ นักการเมืองท้องถิ่นจำนวนมากที่ต้องโทษจากการฉ้อราษฎร์บังหลวง ใช้เป็นช่องทางให้พ้นโทษจากเรือนจำ กระทรวงยุติธรรมจึงควรระมัดระวังและพิจารณาในประเด็นดังกล่าวอย่างรอบคอบ