ณัฐวุฒิ เผย เพื่อไทยไม่มีเวลาไหว้ครู ต้องทำตามนโยบายทันที ชี้รัฐบาลนี้ทำงานลำบาก
วันที่ 24 ส.ค. 2566 เวลา 10:14 น.
เต้น ณัฐวุฒิ อบอุ่นหัวใจ ผู้คนแห่อุดหนุนแน่นร้าน หลังยุติบทบาทผอ.ครอบครัวเพื่อไทย พูดถึงการเมือง รัฐบาลชุดนี้คงทำงานลำบาก เพราะมีหลายพรรค เพื่อไทยต้องเร่งทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ ส่วนที่วิโรจน์ ก้าวไกล เอ่ยปากชวนร่วมงาน ต้องขอขอบคุณ ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ อดีต ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย หลังประกาศแยกทาง ลาออกจากพรรคเพื่อไทย ก็ได้มาเปิดร้านอาหารใต้ อยู่ที่ ถนนเลี่ยงเมือง-ปากเกร็ด ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี วานนี้ (23 ส.ค.2566) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปพบกับนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ อดีต ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย พบว่าบรรยากาศในร้านเนื่องแน่นไปด้วยลูกค้าที่เดินทางมาจากสถานที่ต่าง ๆ โดยลูกค้าที่เดินทางมาส่วนใหญ่เป็นคนเสื้อแดงที่ชื่นชมในตัวนายณัฐวุฒิ และมีลูกค้าทั่วไป ทยอยเดินทางมารับประทานอาหารอยู่ตลอดเวลาจนทำให้โต๊ะไม่ว่าง นายณัฐวุฒิ ทำหน้าที่ทั้งรับแขก เสิร์ฟอาหาร ตลอดเวลา นายณัฐวุฒิ ได้ให้ความคิดเห็นทางการเมือง เผยว่า หลังจากที่นายกทักษิณกลับมา บริบททางการเมืองของไทยก็เดินทางมาถึงจุดที่มีการกำหนดข้างยืนของพรรคการเมือง หรือกลุ่มมวลชนทางการเมือง ซึ่งมันก็มีการจัดกลุ่มใหม่ ต้องยอมรับว่าการจัดตั้งรัฐบาลผสม นำโดยพรรคเพื่อไทยคราวนี้ ถูกตั้งคำถามจากสังคมและคนที่เคยสนับสุนพรรคเพื่อไทยมากที่สุด ว่าจุดยืนของพรรคคืออะไร นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า การจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นพรรครัฐบาลมาก่อน และมีแนวทางตรงข้ามชัดเจน เรื่องการจัดแบ่งรัฐมนตรี แบ่งงานบริหารคงสำเร็จยาก เพราะมากด้วยข้อต่อรองและเกมทางการเมือง ถึงจะได้ข้อยุติไปแล้ว แต่ในระหว่างการทำงาน นโยบายของพรรคที่แตกต่างกัน ก็คงส่งผลให้เกิดความยากลำบาก แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยตัดสินใจแล้วก็ต้องฝ่าฟันไปทุกอุปสรรคให้ได้ และหากทำไม่ได้ตามนโยบายที่หาเสียงเอาไว้ เลือกตั้งครั้งหน้าคงยากลำบากที่จะได้รับการสนับสนุนจากประชาชน สำหรับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ จากที่เคยร่วมงานมา พบว่านายเศรษฐามีสปิริตทำงานเป็นทีม และมีความเข้าใจ ตกผลึกในเรื่องนี้อย่างชัดเจน ว่าการเดินหน้าทางการเมืองจะเดินคนเดียวไม่ได้ จะต้องมีคนที่มีความรู้ในด้านต่างๆ มาคละเคล้ากันทำงานเป็นทีม เพื่อที่จะนำพาบ้านเมืองให้เดินไปข้างหน้า แต่รัฐบาลผสมที่มาจากต่างขั้วต่างจุดยืน ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่นายเศรษฐาจะเดินนำหน้ารัฐบาลชุดนี้ไปได้ สิ่งที่จะนำพารัฐบาลชุดนี้ไปได้ คือทุกสิ่งที่ประกาศไว้กับประชาชน ต้องทำให้เห็นผลทันที ไม่มีเวลาหายใจ ทันทีที่เข้าดำรงตำแหน่งต้องผลิตผลงานออกมา และผลิตอย่างต่อเนื่อง การประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกต้องเห็นชอบเรื่องประชามติการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะต้องมีการลดราคาค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมันทันที และอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหน ไม่ว่าจะแตกต่างในคณะรัฐมนตรีแค่ไหน พรรคเพื่อไทยก็ไม่มีข้ออ้าง ไม่มีทางเลือก โดยเฉพาะนโยบายดิจิตอลวอลเลท ค่าแรงขั้นต่ำ วันละ 600 บาทภายในปี 2570 หรืออีกหลายนโยบาย ประชาชนกำลังจับตาดูอยู่ ส่วนเรื่องที่นายวิโรจน์ จากพรรคก้าวไกลเอ่ยปากชวนร่วมงานนั้น ต้องขอบคุณทางนายวิโรจน์และขอบคุณเพื่อนจากพรรคก้าวไกลอีกหลายคน ที่ติดต่อเข้ามา ทั้งที่เปิดเผยและติดต่อมาส่วนตัวทั้งที่อยากเข้ามาคุยกัน มาหา ตนยินดีที่จะพบปะพูดคุยกับทุกคน เพราะหลักใหญ่ทางการเมือง มองไปที่ประโยชน์ของประชาชนเหมือนกัน มีนโยบายที่ผลักดันบ้านเมืองให้เดินไปข้างหน้า โดยไม่ขัดต่อหลักการและจุดยืน ตนก็คิดว่าสามารถทำงานร่วมกันได้ไม่ว่าจะพรรคไหน หรือกลุ่มมวลชนไหน เพราะหลักสำคัญมันอยู่ที่หลักการ ตนสามารถพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ ส่วนการที่จะร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับพรรคไหนนั้น ตอนนี้ตนยังไม่ได้คิด เพราะเพิ่งเดินออกมาจากครอบครัวเพื่อไทย และยังโดนตัดสิทธิ์ทางการเมือง ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีก 7 ปี จึงขอให้ทุกอย่างดำเนินเรื่องราวไปตามสถานการณ์ดีกว่า