จากกรณีเมียหลวงแทงเมียน้อย ล่าสุดไม่ใช้แค่รัก 3 เส้า แต่เป็น 4 เส้า หลังผัวและลูกสาวของผู้บาดเจ็บวอนสังคมเห็นใจ

วันที่ 23 ส.ค. 2566 เวลา 19:57 น.
จากกรณี เมียหลวงสุดทน ผัวเปย์เมียน้อยจนหมดตัว ตามไปจนเจอผัวกับเมียน้อย เมียน้อยรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจว่าถูกพยายามฆ่า เมียหลวงจึงใช้มีดแทงเมียน้อยต่อหน้าผัว ไหน ๆ ก็จะติดคุก ลั่นยอมติดคุก แต่ไม่ยอมเสียศักดิ์ศรี อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง: เมียหลวงสุดทน ผัวเปย์เมียน้อยจนหมดตัว ตามไปใช้มีดแทงเมียน้อยต่อหน้าผัว วันนี้ (23 ส.ค. 66) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่มายัง สภ.บางบ่อ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ พบกับ นายพงษ์ อายุ 47 ปี ซึ่งเป็นสามีของ น.ส.วิไล (เมียน้อย) (ผู้บาดเจ็บ) มาพร้อมกับ น.ส. เอ (นามสมมติ) อายุ 23 ปี บุตรสาวของผู้บาดเจ็บ เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ภราดร เพ็งคต รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางบ่อ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เพื่อให้ปากคำและขอรับสร้อยคอทองคำของคนเจ็บ คืนจากนายรัตน์ ซึ่งเป็นสามีของ น.ส.พร (เมียหลวง) (มือมีด) โดยนายพงษ์ สามีของผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า ตนอยู่กินกับ น.ส.วิไล มาเป็นเวลากว่า 10 ปี แต่ไม่มีลูกด้วยกัน มีลูกติดจาก น.ส.วิไล ซึ่งตนรักและให้การเลี้ยงดูมาโดยตลอด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนทราบจากครูที่โรงเรียนของลูก ไลน์มาแจ้งว่าภรรยาถูกมีดแทงได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ อาการสาหัส แพทย์ทำการผ่าตัดและเย็บแผลแล้ว รอดูอาการอยู่ ตนพึ่งรู้ว่าภรรยาได้คุยกับนายรัตน์ (สามีมือมีด) เมื่อประมาณ 1-2 เดือนที่ผ่านมา แต่ยังไม่ชัดเจนเรื่องความสัมพันธ์ว่าจะลึกซึ้งเพียงใด ทาง น.ส.เอ (นามสมมติ) บุตรสาวของผู้บาดเจ็บ (เมียน้อย) กล่าวว่า ตน รู้ว่าแม่มีการพูดคุยทางโซเชียลกับนายรัตน์ (สามีมือมีด) แต่เห็นว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ จึงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ตนจึงฝากผ่านสื่อฯ ขอให้เห็นใจครอบครัวของตนบ้าง ขณะนี้แม่ของตนได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นตาย 70/30 ขอให้สังคมเห็นใจกับครอบครัวของตนบ้าง ด้าน นายรัตน์ ซึ่งเป็นสามีของ น.ส.พร (มือมีด) กล่าวว่า ตนรู้จักกับ น.ส.รัตน์ ได้ประมาณ 5-6 เดือน โดยเหตุบังเอิญ ขณะที่ผู้บาดเจ็บเดินมาขอความช่วยเหลือ อ้างว่าถูกมิจฉาชีพหลอกเอาเงินไป 900 บาท ถูกเจ้าของร้านที่ทำงานให้หาเงินไปใช้คืน จึงเดินมาขอความช่วยเหลือ ตนเห็นใจจึงเข้าไปพูดคุยและช่วยเหลือดังกล่าว หลังจากนั้น ก็มีการแลกเบอร์โทรศัพท์และพูดคุยกันเรื่อยมา โดยผู้บาดเจ็บบอกกับตนว่า เป็นโสดเลิกรากับสามีมาได้ประมาณ 2 ปี อยู่บ้านกับลูก ตนเห็นใจจึงเข้าไปดูแล ตลอดระยะเวลาที่คบกัน ภรรยา (น.ส.พร) รู้มาโดยตลอด และมีการพูดคุยเจรจากันว่า ตนสามารถเลี้ยงดูได้ทั้ง 2 บ้าน ปัจจุบันตนส่งเสียค่าเลี้ยงดูให้บ้านใหญ่วันละ 400 บาท ส่วนของ น.ส.วิไล ได้มีการช่วยเหลือไปเป็นเงินประมาณกว่า 100,000 บาท เป็นค่ารักษาพยาบาลยามเจ็บป่วยและช่วยค่าเทอม หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ตนคงจะต้องอยู่กับลูกชายเพียง 2 คน เพราะ น.ส.พร (เมียหลวง) ต้องให้ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วน น.ส.วิไล (เมียน้อย) ตนยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป แต่คิดว่าทางครอบครัวและญาติของเค้าคงจะให้เลิกคบกัน ขณะที่เพื่อนบ้านของเมียหลวง เผยว่า ตนทราบเรื่องจากการโทรศัพท์คุยกับ น.ส.พร บอกว่าตอนนี้อยู่ที่ สภ.บางบ่อ ตนจึงรีบเข้ามาดู ตนพยายามปลอบใจว่า มีอะไรให้ปรึกษากันอย่าอยู่คนเดียว แต่ น.ส.พร บอกว่า ที่ไม่ยอมเล่าเรื่องนี้ให้กับคนอื่นฟัง เพราะกลัวว่าสามีตัวเองจะอายคนอื่นเขา ถึงเก็บความช้ำใจไว้เพียงคนเดียว ตนเคยผ่านเหตุการณ์ในลักษณะนี้มาก่อน รู้สึกเห็นใจ น.ส.พร เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ น.ส.พร ยังเผยกับตนว่าที่ผ่านมา ขณะเมียน้อยคบหาอยู่กับสามี มักจะออกอุบายขอเงิน ทำให้สามีต้องเอารถไปจำนำ เอาทรัพย์สินบางอย่างไปขาย เพื่อเอาเงินไปให้เมียน้อย และเคยไปนั่งเฝ้าอยู่ที่วินรถจักรยานยนต์รับจ้าง เพื่อรอเก็บเงินจากสามี หลังจากไปส่งผู้โดยสารกลับมาที่วิน ทำให้ครอบครัวของตนแตกสลาย เงินเก็บที่มีก็ถูกสามีเอาไปปรนเปรอให้กับเมียน้อยจนหมด สุดท้ายทนไม่ไหว จึงได้ก่อเหตุดังกล่าว ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนฯ สภ.บางบ่อ เบื้องต้น แจ้งข้อหาพยายามฆ่าฯ พร้อมควบคุมตัว น.ส.พร (เมียน้อย) ไว้ที่ห้องควบคุม สภ.บางบ่อ เพื่อรอนำตัวส่งฟ้องศาลจังหวัดสมุทรปราการ ในวันพรุ่งนี้ ส่วนจะประกันตัวได้หรือไม่ คงต้องขึ้นอยู่ที่ดุลยพินิจของศาล