ชูวิทย์ แฉ เศรษฐา แค้นปมไม่ขายที่ดินให้

วันที่ 21 ส.ค. 2566 เวลา 16:10 น.

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ชูวิทย์ แถลงข่าวแฉครั้งสุดท้าย กล่าวหา เศรษฐา และบริษัทแสนสิริฯ จัดตั้งบริษัทนอมินี ซื้อที่ดิน เข้าข่ายนิติกรรมอำพราง พร้อมระบุ เศรษฐา ไม่เหมาะเป็นนายกรัฐมนตรี  ชูวิทย์ แฉ เศรษฐา แค้นปมไม่ขายที่ดินให้ เป็นประเด็นที่คอการเมือง เฝ้าติดตามมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ที่ออกมาแฉบริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) ภายใต้การบริหารในยุคนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย มีการทำนิติกรรมอำพราง จนเป็นเรื่องราวฟ้องร้องกันนั้น ล่าสุดช่วงบ่ายที่ผ่านมา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ตั้งโต๊ะแถลงข่าว "แฉเพื่อชาติ EP.3" ซึ่งเป็นตอนสุดท้าย พร้อมโชว์โฉนดที่ดินมูลค่านับหมื่นล้านบาท จำนวน 13 ไร่ ตั้งอยู่ใจกลางสุขุมวิท โดยนายชูวิทย์ ระบุว่าโฉนดดังกล่าว เป็นต้นตอของปัญหา ซึ่งในโฉนด เคยมีชื่อนายเศรษฐา เป็นเจ้าของมรดก และเป็นบ้านดั้งเดิมของเขา ก่อนถูกธนาคารยึด แต่สุดท้ายโฉนดตกเป็นของตนเอง เมื่อปี 2542 จากนั้นนายเศรษฐา พยายามขอซื้อคืน เมื่อตนเองไม่ขาย ทำให้มีปัญหา เปิดหลักฐาน บริษัทนอมินี ซื้อที่ดิน เศรษฐา ไม่เหมาะเป็นนายกฯ จากนั้นนายชูวิทย์ เปิดข้อมูลการซื้อขายที่ดินเนื้อที่ 2 ไร่เศษ ภายในซอยสุขุมวิท 12 ที่มีพฤติการณ์เหมือนที่ผ่านมา โดยตั้งบริษัทนอมินีสัญชาติซามัวขึ้นมา แล้วให้ รปภ.ชาวมุกดาหาร ชื่อนายโชคชัย เป็นผู้ถือหุ้นสูงสุด ก่อนปลอดจำนองที่ดิน มูลค่า 1,175 ล้านบาท จากนั้นได้เปลี่ยนสัดส่วนผู้ถือหุ้น แล้วปล่อยขายที่ดินดังกล่าว โดยมีบริษัทลูกของแสนสิริ เป็นผู้ซื้อ เป็นเงิน 499 ล้านกว่าบาท โดยเรื่องราวทั้งหมด เกิดขึ้นภายในเวลา 3 วัน มีนายพธศลย์ หรือนายสกล ที่มีการเปลี่ยนชื่อมา 4 ครั้ง เป็นคนเดินเรื่อง แต่จากการตรวจสอบบันทึกราคาที่ดิน พบว่าแสนสิริลงบันทึกในงบการเงิน ซื้อที่ดินดังกล่าวในราคา 1,850 ล้านบาท จากราคาที่ซื้อจริง 499 ล้านกว่าบาท เมื่อนำไปหักลบหนี้ต่าง ๆ แล้ว จะมีเงินทอนหายไปกว่า 675 ล้านบาท ถือเป็นการทุจริตต่อผู้ถือหุ้น และเมื่อไปตรวจสอบที่ทำการบริษัทนอมินี ตั้งอยู่ที่ฮ่องกง พบเป็นเพียงแฟลตเท่านั้น ฉะนั้นอยากถามว่า เมื่อนายเศรษฐามีพฤติกรรมแบบนี้ จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้อย่างไร นายชูวิทย์ ระบุว่า เมื่อนายเศรษฐา มีพฤติการณ์ซ่อนเร้นแบบนี้ จึงได้ทำหนังสือส่งไปถึง สส. และ สว. เพื่อขอให้พิจารณาการเสนอชื่อนายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะขนาดเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังกล้าทำขนาดนี้ หากได้เป็นนายกรัฐมตรี จะทำให้ประเทศชาติเสียหายขนาดไหน ขณะที่ช่วงท้าย นายชูวิทย์ กล่าวว่าจะไม่ออกมาเพื่อชาติอีกแล้ว เพราะต้องกินยา เพื่อรักษาตัวให้มีแรงออกมาแฉได้ ถ้าตนเองไม่ได้ออกมาแฉก่อนหน้านี้ คงนอนตายตาไม่หลับ