ไขปมครู ยักยอกเงินออมนักเรียน ปล่อยกู้-แสวงหากำไรส่วนตน จ.อุบลราชธานี
วันที่ 26 ก.ค. 2566 เวลา 07:08 น.
สนามข่าว 7 สี - มีกรณีครูโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดอุบลราชธานี แอบนำเงินออมของนักเรียนทั้งโรงเรียนกว่า 700,000 บาท ไปปล่อยเงินกู้ สุดท้ายเรื่องแดงหมุนเงินนำมาคืนนักเรียนที่จบการศึกษาชั้น ป.6 ไม่ทัน ต้องบอกว่าเรื่องแดงขึ้นมา เมื่อนักเรียนชั้น ป.6 ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี หรือ สพป.อุบลฯ ในอำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี จบการศึกษาประจำปี 2565 และต้องได้รับเงินออมใน "โครงการกิจกรรมออมทรัพย์" หรือพูดง่าย ๆ ก็ "เงินกองทุนออมทรัพย์" ที่น้อง ๆ นักเรียนตั้งแต่ชั้น ป.1 - ป.6 จะเก็บหอมรอมริบ อดขนม อดซื้อสิ่งที่ชอบ นำเงินที่พ่อแม่ผู้ปกครองให้ไว้ใช้จ่ายในโรงเรียนมาฝากไว้กับคุณครูประจำชั้น เพื่อเข้ากองทุนดังกล่าวในทุก ๆ เดือน เป็นเวลา 6 ปี แต่ปีการศึกษานี้ นักเรียนชั้น ป.6 ที่จบการศึกษากว่า 20 คน ซึ่งร่วมออมเงินมาตั้งแต่ ป.1 กลับไม่ได้รับเงินดังกล่าว เนื่องจากมีครูท่านหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้รวบรวมเงินจากทุก ๆ ห้องเรียนในทุกระดับชั้น หรือ ตั้งแต่ ป.1 - ป.6 รวมเป็นนักเรียน 98 คน คิดเป็นเงินรวมกว่า 700,000 บาท ครูท่านนี้นำไปใช้ปล่อยเงินกู้กินดอกเบี้ย ยอดเงินที่สะสมนักเรียนชั้น ป.6 บางคนต้องได้รับคืนมากสุดกว่า 30,000 บาท รวมนักเรียน ป.6 ทั้งหมด ต้องได้รับเงินคืนรวมกันกว่า 200,000 บาท แต่ก็ไม่ได้รับเงินคืนสักแดงเดียว นำมาสู่การไกล่เกลี่ยระหว่างครูผู้ก่อเหตุ กับผู้ปกครอง โดยมีเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในจังหวัดเป็นตัวกลาง ตกลงกันว่าครูจะไปหากู้ยืมเงินก้อนมาผ่อนจ่ายให้นักเรียน ชั้น ป.6 รวม 3 งวด ส่วนนักเรียนที่เหลือจะคืนเงินให้เมื่อจบการศึกษาปี 2566 เนื่องจากกองทุนดังกล่าวได้ยุติการออมเงินแล้ว ท่ามกลางข้อติดใจจากผู้ปกครองส่วนใหญ่ ที่คิดว่าเงินก้อนนี้ครูผู้ก่อเหตุไม่น่าจะนำไปใช้ปล่อยกู้กินดอกเบี้ยคนเดียว เพราะกองทุนฯ มีคณะกรรมการโรงเรียนกำกับ แต่กลับไม่มีผู้ตรวจสอบ ทั้งการนำฝาก และเบิกจ่ายเงินดังกล่าว อีกทั้งผู้อำนวยการโรงเรียน พร้อมครูอีก 3 คน ทำเรื่องขอย้ายออกจากโรงเรียน โดยอ้างว่าไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น จึงทำให้ผู้ปกครองต้องวิ่งโร่หอบลูกจูงหลานรวมกว่า 50 คน ไปร้องเรียนกับ นายอำเภอตระการพืชผล เพื่อขอความเป็นธรรม ทีมข่าวของเราพยายามติดต่อกับผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวเพื่อถามข้อเท็จจริง แต่ไม่ได้รับการตอบรับ จึงตรวจสอบกับ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี หรือ สพป.อุบลฯ ซึ่งเป็นการไกล่เกลี่ยและสอบสวนหาข้อเท็จจริง ก็บอกข้อมูลตรงกับผู้ปกครองว่า ครูท่านนี้ให้การว่ากระทำเรื่องดังกล่าวเพียงคนเดียว แต่ที่สำคัญตอนนี้ต้องติดตามเงินกว่า 700,000 บาท กลับมาคืนมาให้นักเรียนก่อน จากนั้นค่อยขยายผลลงโทษครูต่อไป ทั้งนี้ เรื่องถึงมือ นายภัทรพล สารการ นายอำเภอตระการพืชผลแล้ว โดยสัปดาห์หน้าจะนัดครูผู้ก่อเหตุกับฝั่งผู้เสียหาย คือ ตัวแทนผู้ปกครองนักเรียน ทำการตกลงและเซ็นบันทึกข้อความเพื่อให้มีผลทางกฎหมาย ป้องกันไม่ให้ครูผู้ก่อเหตุลอยนวล และเรื่องนี้เบื้องลึกครูผู้ก่อเหตุทำไมย่ามใจขนาดนี้ ติดตามใน คอลัมน์หมายเลข 7 ที่จะมาสาวเบื้องลึกกันต่อว่าทำเป็นขบวนการหรือไม่