ไขปมเศรษฐกิจจีนชะลอตัวส่งผลถึงไทย
วันที่ 25 ก.ค. 2566 เวลา 07:12 น.
สนามข่าว 7 สี - ภาคเศรษฐกิจไทยที่ต้องพึ่งทั้งขาส่งออก และการท่องเที่ยว โดยเฉพาะจากจีน ที่ตอนนี้เศรษฐกิจในจีนเองตกอยู่ในภาวะคล้ายกับมังกรป่วยจนซึม ทำให้เราเสี่ยงจะได้รับผลกระทบ จะมีมาตรการใดแก้เกม เราไปดูรายละเอียดกันทีละประเด็นพร้อม ๆ กัน จากภาวะเศรษฐกิจของจีน ที่มีแนวโน้มชะลอตัว โดยดูจากผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพีไตรมาสที่ 2 ซึ่งขยายตัวเพียง 6.3 เปอร์เซ็นต์ ต่ำกว่าที่คาดการณ์ อีกทั้งในจีนก็ยังเผชิญปัญหาการว่างงานพุ่งถึง 21.3 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้กูรูทั้งหน่วยงานรัฐ และเอกชน ในไทย คาดการณ์ พร้อมแนะให้จับตาธุรกิจภาคส่งออกที่มีสินค้า 3 หมวด คือ สินค้าเกษตร เคมีภัณฑ์และอุตสาหกรรม รวมทั้งภาคการลงทุน โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวอาจได้รับผลกระทบ โดยถ้าโฟกัสเฉพาะสถิตินักท่องเที่ยวจีนเข้าไทย จะพบว่า ขณะนี้ (1 ม.ค.-16 ก.ค.66) คนจีนมาไทยแล้วเพียงกว่า 1.6 ล้านคน ซึ่งเหมือนว่ายังอาจห่างจากเป้าที่วางไว้ 5 ล้านคน ภายในสิ้นปีนี้ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ก็ยอมรับว่า ตัวเลขยังหลุดเป้าอยู่ แต่ก็เชื่อว่าใน 2 เดือนนี้ นักท่องเที่ยวจีนจะขยับขึ้นเป็น 2 ล้านคน อีกทั้งได้มอบหมายให้ สำนักงาน ททท. ทั้ง 5 แห่งในจีน เร่งทำตลาดเน้นไปที่กลุ่มมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งจากมาตรการนี้เองเชื่อว่าภาพรวมจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยจะได้ราว 28-30 ล้านคน อีกประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับนักท่องเที่ยวจีนที่น่าห่วงคือภาคโรงแรม สถานที่พักต่าง ๆ โดยเฉพาะขนาด 3 ดาว อาจได้รับผลกระทบ นายกสมาคมโรงแรมไทย บอกว่า ควรต้องเร่งปรับตัว หาลูกค้าจากกลุ่มประเทศใหม่ ๆ ซึ่งขณะนี้ก็มีสัญญาณดีจากนักท่องเที่ยวชาติอื่นที่เพิ่มขึ้น จึงทำให้ในภาพรวมน่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้ามากกว่าปีที่ผ่านมา นอกจากการท่องเที่ยว อีกประเด็นที่ห่วงกันคือภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่คนจีนซื้อที่อยู่อาศัยอาจจะลดลงด้วย ทาง นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ก็ยอมรับปีนี้ไม่ได้ก่อสร้างเพิ่มเติม เนื่องจากกำลังซื้อทั้งของคนจีน และคนไทยอยู่ในภาวะชะลอตัว ฟังแบบนี้แล้วภาคอสังหาริมทรัพย์ที่จะทำขายคนจีน ซึ่งนิยมมาซื้อคอนโดมิเนียมในไทย ก็ดูเหมือนผู้ประกอบการจะเจอศึกหนักขายในประเทศก็ลำบาก ขายคนนอกก็ไม่มาอีก แต่ที่แน่ ๆ อีกเรื่องที่ภาคท่องเที่ยวรอกันมาก คือ การอนุมัติวีซาให้คนจีนที่อยากจะให้เร็วขึ้น เพื่อจูงใจให้คนเขามาเที่ยวบ้านเรา แม้จะไม่พุ่งปรี๊ดปราดเหมือนก่อนเกิดโรคโควิด-19 ก็ตาม แต่อย่างน้อยดีกว่าปีที่ผ่านมาก็ถือว่าดีแล้ว