ฟุตบอลชายซีเกมส์ไร้เงินอัดฉีด เหตุทะเลาะวิวาท

วันที่ 7 ก.ค. 2566 เวลา 04:17 น.

เช้าข่าว 7 สี - เมื่อวานนี้ รัฐบาลจัดงานเลี้ยงฉลองชัย มอบเงินรางวัล และแสดงความยินดีให้กับคณะนักกีฬาทีมชาติไทย ชุดเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 และกีฬาอาเซียน พาราเกมส์ ครั้งที่ 12 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา แต่ปรากฏว่า ฟุตบอลชายที่คว้าเหรียญเงินมาครอง กลับไม่ได้รับเงินรางวัลอัดฉีด ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการจัดงานเลี้ยงฉลองชัย มอบเงินรางวัล และแสดงความยินดีให้กับคณะนักกีฬาทีมชาติไทย ชุดเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 และกีฬาอาเซียน พาราเกมส์ ครั้งที่ 12 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา โดยภายในงานมีนักกีฬาทีมชาติไทย พร้อมด้วยผู้ฝึกสอน และเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมอย่างคับคั่ง โดยผลงานของทัพนักกีฬาทีมชาติไทย ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 สามารถคว้ารวมมาได้ 108 เหรียญทอง 95 เหรียญเงิน 108 เหรียญทองแดง จบอันดับที่ 2 ในตารางรวมเหรียญรางวัล ขณะที่ทัพนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทย ทำผลงานในกีฬาอาเซียน พาราเกมส์ ครั้งที่ 12 คว้ามาได้ 127 เหรียญทอง 109 เหรียญเงิน 93 เหรียญทอง จบอันดับที่ 2 ในตารางรวมเหรียญรางวัลเช่นกัน สำหรับทัพนักกีฬาทีมชาติไทย ชุดซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ได้รับเงินรางวัลรวมทั้งสิ้น 239,190,000 บาท ขณะที่นักกีฬาคนพิการทีมชาติไทย ชุดอาเซียน พาราเกมส์ ครั้งที่ 12 ได้รับเงินรางวัลรวมทั้งสิ้น 99,365,000 บาท รวมยอดเงินรางวัลทั้งสิ้น 338,555,000 บาท แต่จากยอดเงินรางวัลในครั้งนี้ กลับมี 1 ทีมกีฬา ที่ไม่ได้รับเงินรางวัลอัดฉีด ได้แก่ ทีมฟุตบอลชายทีมชาติไทย เจ้าของเหรียญเงินกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 โดยทางผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ได้ออกมาเปิดเผยว่า ในส่วนของเงินรางวัลของทีมฟุตบอลชายนั้น ต้องชะลอการมอบเอาไว้ก่อน เพราะจากปัญหาที่เกิดเรื่องวิวาทในรอบชิงชนะเลิศ กับ อินโดนีเซีย ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่เสื่อมเสียชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของวงการกีฬาประเทศไทยพอสมควร ซึ่ง กกท. ได้ขอให้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ทำหนังสือชี้แจงเหตุการณ์ดังกล่าวมาแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับ ซึ่งหลังจากนี้ กกท. จะเร่งทำเรื่องสอบถามไปยังสมาคมกีฬาฟุตบอล เพื่อให้ทำเรื่องชี้แจ้งกลับมาโดยเร็วที่สุด โดยผู้ที่กระทำผิดและเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทโดยตรง และถูกลงโทษ อาจจะไม่ได้รับเงินรางวัลในครั้งนี้