ศาลสั่งคุก 5 ปี ริบ 20 ล้านบาท อดีตผู้พิพากษา เรียกสินบน

วันที่ 30 มิ.ย. 2566 เวลา 16:11 น.

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ศาลอาญาคดีทุจริตฯ สั่งจำคุก 5 ปี ริบ 20 ล้าน อดีตผู้พิพากษา ศาลอุทธรณ์ภาค 8 เรียกสินบนประกันตัวไต้หวัน 20 ล้าน ชี้ พยานหลักฐานโจทก์สอดคล้องมัดเเน่น เมื่อเช้านี้ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้อ่านฟังคำพิพากษา ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท 178/2565 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ยื่นฟ้อง อดีตผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ในความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ขอให้ลงโทษตาม พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และขอให้ริบทรัพย์สิน หรือประโยชน์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ของจำเลย รวมเป็นเงินจำนวน 20 ล้านบาท โจทก์ฟ้องว่า คดีสืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาชาวไต้หวัน และศาลจังหวัดสมุทรปราการออกหมายขังไว้ในคดีอาญา เมื่อระหว่างเดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนธันวาคม 2561 ขณะนั้นจำเลยดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 จำเลยอ้างว่ารู้จักสนิทสนมกับผู้พิพากษาศาลจังหวัดสมุทรปราการ สามารถช่วยเหลือเกี่ยวกับการสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาชาวไต้หวันดังกล่าวได้ โดยจำเลยเรียกและรับเงิน 20 ล้านบาท จากเพื่อนผู้ต้องหาเป็นค่าตอบแทน ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิจารณาแล้วเห็นว่า นอกจากโจทก์มีบันทึกถ้อยคำพยานบุคคลที่ให้การต่อคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้น ยืนยันว่าจำเลยเรียกและรับเงิน 20 ล้านบาท จากเพื่อนผู้ต้องหารวม 4 ครั้ง แล้ว โจทก์ยังมีหลักฐานอื่นที่เชื่อมโยงถึงเหตุการณ์ที่เพื่อนผู้ต้องหาพบกับจำเลย และส่งมีการมอบเงินให้กับจำเลย ดังนี้ โดยครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2561 มอบเงินจำนวน 1 ล้านบาท ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง จังหวัดภูเก็ต, ส่วนครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2561 มอบเงินจำนวน 3 ล้านบาท, ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2561 มอบเงินจำนวน 7 ล้านบาท และครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2561 มอบเงินจำนวน 9 ล้านบาท มีการนัดและส่งมอบเงินกันที่โรงแรมแห่งหนึ่ง กรุงเทพมหานคร โจทก์มีพยานหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยและเพื่อนผู้ต้องหานัดพบกัน เพื่อส่งมอบเงินกันที่โรงแรมในช่วงวันเวลาดังกล่าวจริง พยานหลักฐานโจทก์จึงมีน้ำหนักรับฟังได้ ปราศจากข้อสงสัยตามสมควรว่าจำเลยเรียกและรับเงิน จากเพื่อนผู้ต้องหา 20 ล้านบาท เป็นค่าดำเนินการในการขอปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาชาวไต้หวัน วันนี้ผู้พิพากษาจึงได้พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดจริง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ให้จำคุก 5 ปี ริบเงิน 20 ล้านบาท หรือทรัพย์สินอื่นของจำเลยแทนตามมูลค่าดังกล่าว ส่วนข้อหาอื่น นอกจากนี้ให้ยก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ศาลได้ดำเนินกระบวนพิจารณา จำนวน 10 นัด รวมระยะเวลาตั้งแต่วันฟ้อง ถึงวันอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นเวลา 9 เดือน 3 วัน