คาด สว. เสียงแตก โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
วันที่ 26 มิ.ย. 2566 เวลา 11:33 น.
ห้องข่าวภาคเที่ยง - ทิศทางการโหวตเลือกประธานสภาฯ และการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีดูจะไม่ราบรื่นนัก ล่าสุดมีกระแสข่าวซื้อตัว สส. เพื่อเปลี่ยนขั้วจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่ ประธานวุฒิสภา เชื่อว่า สว. จะเสียงแตกในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คาด สว. เสียงแตก โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภากล่าวว่า รัฐสภาได้เตรียมความพร้อมในงานรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภาแล้ว ซึ่งจะจัดขึ้นที่ห้องโถง ชั้น 11 ของอาคารรัฐสภา และในวันดังกล่าวจะมี สส. และ สว. เข้าร่วม รวมถึงผู้ได้รับเชิญอีกกว่า 200 คน ส่วนการจัดประชุมเพื่อเลือกประธานสภาฯ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 4 กรกฎาคม คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานในการนับคะแนน เพราะเป็นการลงคะแนนแบบลับ สำหรับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีนั้นคาดว่า การลงมติของ สว. ไม่น่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันเพราะแต่ละคนมีความคิด และมีเหตุผลของตนเองรวมทั้งสามารถงดออกเสียงได้ เพราะเป็นการลงมติแบบเปิดเผยซึ่งกระแสกดดันของสังคม ก็ต้องอยู่ในขอบเขตเนื่องจาก สว. ทำหน้าที่ตามหลักการอย่างรอบคอบ โดยมีเหตุผลในการเลือก ทั้งเรื่องคุณสมบัติต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เป็นคนดี คนเก่ง และเป็นบุคคลที่ทำให้เกิดความมั่นคงในระบบประชาธิปไตยได้ ไทม์ไลน์เลือกประธานสภาฯ ขยับได้ถึง 15 ก.ค. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า หากจะขยับวันโหวตเลือกประธานสภาฯ ก็จะขยับได้ถึงวันที่ 15 กรกฎาคม ตามกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนด และการเสนอชื่อผู้เข้าชิงตำแหน่งประธานสภาฯ สามารถเสนอได้มากกว่า 1 ชื่อ และจะเป็นการลงคะแนนแบบลับ ขณะที่การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมประชุมก็ได้ ส่วนกระแสข่าวเสนอชื่อ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า พลเอกประวิตร เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐอยู่แล้ว และมีการหาเสียงมาโดยตลอด ส่วนจะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ก็อยู่ที่การเลือกตั้งและลงมติในสภาฯ อนุทิน เชื่อ ไม่มีซื้อตัว สส. เพื่อให้ย้ายขั้วจัดตั้งรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นำทีม สส. เข้ารายงานตัว พร้อมให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวเรื่องการซื้อตัว สส. จากขั้ว 8 พรรคการเมืองที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาล ในราคาสูงตั้งแต่ 50-100 ล้านบาท เพื่อให้ย้ายขั้วไปอยู่กับเสียงข้างน้อยว่า เรื่องดังกล่าวไม่น่าจะเป็นความจริง ซึ่งคนที่ตั้งใจทำเช่นนั้นจริง ๆ ก็คงจะสิ้นคิดมาก ส่วนการโหวตเลือกประธานสภาฯ และนายกรัฐมนตรี สส.ของพรรคภูมิใจไทย จะประชุมร่วมกันอีกครั้งเพื่อให้มีความเป็นเอกภาพ