“ศักดิ์สยาม” ปัดตอบ ขั้วรัฐบาลปัจจุบัน เตรียมดัน “จุติ-วิทยา” จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ชิงเก้าอี้ประธานสภาฯ

วันที่ 24 มิ.ย. 2566 เวลา 11:12 น.

“ศักดิ์สยาม” ปัดตอบ ขั้วรัฐบาลปัจจุบัน เตรียมดัน “จุติ-วิทยา” จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ชิงเก้าอี้ประธานสภาฯ บอกรายงานตัว สส.ให้ครบก่อนค่อยว่ากัน มองปมถือหุ้นสื่อของ “พิธา” ยังเป็นแค่คำกล่าวหา ต้องรอฟังคำวินิจฉัย เช้าวันนี้ (24มิ.ย.66) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย นำ สส.ของพรรค เข้ารับหนังสือรับรองจาก กกต. แทนนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ติดภารกิจบินด่วนไปรับส่งอวัยวะ ที่จังหวัดขอนแก่น พร้อมถึงกระแสข่าวที่พรรคขั้วรัฐบาลปัจจุบัน อาจเสนอชื่อนายจุติ ไกรฤกษ์ และ นายวิทยา แก้วภราดัย สสจ ากพรรครวมไทยสร้างชาติ ชิงเก้าอี้ประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการหารืออะไรเกี่ยวกับตำแหน่งประธานสภาฯ  พรุ่งนี้ สส.พรรคภูมิใจไทย จะมีการประชุมร่วมกัน ก็คงจะมีการพูดคุยกันในสถานการณ์บ้านเมือง แต่ขณะนี้การรายงานตัวสส. ยังไม่ครบ ถ้าครบก็น่าจะมีการพูดคุยกัน และ ขณะนี้ ยังต้องรอความชัดเจนจากพรรคก้าวไกล ละ พรรคเพื่อไทย ที่ชนะการเลือกตั้งในอันดับ 1 และอันดับ 2 พิจารณาก่อน ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า การเมืองที่ยังไม่มีความชัดเจนในขณะนี้ จะทำให้สมการทางการเมืองเปลี่ยนไปหรือไม่ นายศักดิ์สยาม กล่าวย้ำว่า ขอให้รอการรายงานตัว สส. ต่อสภาฯ ให้เรียบร้อยก่อน และ เมื่อเปิดประชุมสภาฯ แล้ว ทุกอย่างจะมีความชัดเจน เพราะขั้นตอนการดำเนินการตามกฎหมายมีอยู่แล้ว อย่าไปคาดการณ์อะไร ในสิ่งที่จะทำให้เกิดสถานการณ์ไม่เป็นประโยชน์กับประเทศ ยืนยัน พรรคภูมิใจไทยเคารพหลักการประชาธิปไตย  ต้องให้สิทธิ์พรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งเป็นผู้ดำเนินการ ผู้สื่อข่าวพยายามถามว่า สูตรจัดตั้งรัฐบาลที่ระบุว่า มีพรรคภูมิใจไทยต้องไม่มีพรรคก้าวไกลข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายศักดิ์สยาม  หัวเราะ ก่อนจะกล่าวเพียงว่า ขอให้รอทางพรรคก้าวไกล ที่ชนะการเลือกตั้งอันดับ 1 เป็นผู้ดำเนินการ เพราะถือว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมา ประชาชนได้มอบความไว้วางใจให้ สส.ทั้ง 500 คน มาทำหน้าที่แล้ว ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ครรลองประชาธิปไตย ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการถือหุ้นสื่อมวลชนของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล จะส่งผลต่อการตัดสินใจโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า อยากให้รอก่อน เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงแค่คำกล่าวหา จึงต้องรอดูว่า หน่วยงานที่มีหน้าที่วินิจฉัย จะวินิจฉัยอย่างไร จึงจะตัดสินใจกันในตอนนั้น สำหรับผู้ที่ทำหน้าที่ประธานสภาฯ ส่วนตัวมองว่า ต้องเป็นกลางทางการเมือง ควบคุมการประชุมให้ได้ ถือเป็นคุณสมบัติที่ผู้จะเสนอตัว เป็นประธานสภาฯ ซึ่งเป็นประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ 1 ใน 3 อำนาจอธิปไตยของประเทศ