กกต.รับรอง สส. ก่อน ค่อยตรวจสอบย้อนหลัง
วันที่ 20 มิ.ย. 2566 เวลา 16:51 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - กกต. ยืนยันต้องรับรอง สส.500 คนไปก่อน ส่วนกระบวนการสืบสวนไต่สวน เรื่องที่มีการร้องเรียน ยังคงดำเนินการตามเดิม โดยมีกรอบระยะเวลาภายใน 1 ปี กกต.รับรอง สส. ก่อน ค่อยตรวจสอบย้อนหลัง นายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ คณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ กกต. มีมติรับรอง สส.เขต 400 คน และ สส.บัญชีรายชื่อ 100 คน รวมเป็น 500 คน เนื่องจากว่า ขณะนี้การสืบสวนไต่สวนยังดำเนินการอยู่ ไม่สามารถพิจารณาได้เสร็จภายใน 60 วัน จึงจำเป็นต้องประกาศให้ สส. ไปทำหน้าที่ก่อน โดยกระบวนการสืบสวน ยังคงดำเนินการต่อ ผู้สื่อถามว่า ถ้าการสืบสวนไต่สวนพบมี สส. กระทำความผิด ยังสามารถดำเนินคดีได้ใช่หรือไม่ นายฐิติเชฏฐ์ ระบุว่า 30 วัน หลังจาก กกต. รับรองแล้ว หากใครเห็นว่า สส. ที่ได้รับรอง ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และกฎหมายพรรคการเมือง ก็สามารถยื่นคำร้องต่อ กกต. ได้ โดยมีกรอบระยะเวลาดำเนินการตามกฎหมายภายใน 1 ปี ในการพิจารณาคำร้องให้แล้วเสร็จ ส่วนกระบวนการสืบสวนไต่สวน หากมีความผิด ก็จะรวบรวมพยานหลักฐาน และเสนอต่อศาลพิจารณาตามขั้นตอน ส่วนกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี โดยขั้นตอนของการสืบสวนไต่สวน ต้องเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลทั้งหมด เช่น เรียกบันทึกการประชุมของบริษัทไอทีวี และการถอดเทปว่า หลักฐานตรงกันหรือไม่ กลุ่มผู้บริหารบริษัทไอทีวี และตัวนายพิธาเอง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม คึกคัก ! สส.ทยอยรับหนังสือรับรอง ไปกันที่บรรยากาศ สส.ใหม่ เข้ารับเอกสารรับรองความเป็น สส.ที่สำนักงานกกต. โดยนางรําพูล ตันติวณิชชานนท์ สส. ใหม่สมัยแรก จากอุบลราชธานี พรรคไทยสร้างไทย เดินทางมาเป็นคนแรก ยอมรับว่า ดีใจและตื่นเต้นมาก ที่ได้เป็น สส.สมัยแรก ขณะที่ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ เดินทางเข้ารับหนังสือรับรองความเป็น สส.ทั้งของส่วนตัว และได้รับมอบอำนาจจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ให้รับหนังสือรับรองแทน ประวิตร รายงานตัวเป็น สส.บัญชีรายชื่อ จากนั้นช่วงบ่าย พล.อ.ประวิตร ในฐานะ สส.บัญชีรายชื่อเพียงคนเดียว ของพรรคพลังประชารัฐ ได้นำหนังสือรับรอง ไปรายงานตัวการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ต่อรัฐสภา เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ตื่นเต้นหรือไม่ได้เป็น สส.สมัยแรก ทาง "พล.อ.ประวิตร" ตอบกลับว่า "รู้แล้วว่าเป็น สส.สมัยแรก แล้วถามทำไม โดยทำงานกับรัฐสภามานานกว่า 10 ปี ตั้งแต่ปี 2551 จึงคุ้นเคยกับรัฐสภาเป็นอย่างดี ไม่ตื่นเต้นอะไร" พร้อมยืนยันว่า ไม่รู้เห็นเกี่ยวกับข่าว จะมีชื่อสอดแทรกขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี เปิดไทมไลน์จัดตั้งรัฐบาลใหม่ อย่างไรก็ตาม หลังจาก กกต. ประกาศรับรองผล สส.ครบ 500 คนนั้น นายวีรวัฒน์ เปรมนิธิวัฒน์ นิติกรชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานประสานการเมืองและรับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานประธานสภาผู้แทนราษฎร มีการทำไทม์ไลน์คร่าว ๆ เริ่มจากวันที่ 20-24 มิถุนายน กกต. เปิดให้ สส. เข้ามารับหนังสือรับรอง ส่วนวันที่ 20-25 มิถุนายน สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จัดให้มีการรายงานตัวของ สส. แม้พ้นกำหนดระยะเวลาไปแล้ว ก็ยังเปิดให้ สส. เข้ามารายงานตัวต่อสำนักงานได้ ขณะที่ช่วงวันที่ 19 มิถุนายน-3 กรกฎาคม คาดว่า จะมีการเรียกประชุมรัฐสภา ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรก ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันประกาศผลการเลือกตั้ง หรืออาจเรียกประชุมรัฐสภาครั้งแรก ก่อนครบ 15 วันก็ได้ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 121 วรรคหนึ่ง จากนั้นวันที่ 4 กรกฎาคม คาดว่า จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก เพื่อทำการเลือก "ประธานสภาผู้แทนราษฎร" และรองประธานสภาฯ อีก 2 คน ส่วนวันที่ 10 กรกฎาคม กรณีมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา คาดว่าวันที่ 15 กรกฎาคม จะเป็นวันประชุมร่วมกันของรัฐสภา พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคล ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป คาดห้วงเวลารัฐบาล ประยุทธ์ หมดวาระ ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงวาระของรัฐบาลปัจจุบันว่า จะหมดวาระลง เมื่อมีการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม และถวายสัตย์ปฏิญาณของนายกรัฐมนตรี และ ครม.ชุดใหม่ ซึ่งอาจจะเป็นช่วงปลายเดือนกรกฎาคม หรือ ต้นเดือนสิงหาคมนี้ หลากหลายความเห็น ปมตำแหน่งประธานสภาฯ ต่อกันที่ประเด็นตำแหน่ง "ประธานสภาฯ" ที่กำลังเป็นเรื่องร้อน ๆ ในพรรคเพื่อไทยนั้น นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า เมื่อพรรคก้าวไกล ได้คะแนนเป็นอันดับ 1 ฉะนั้นตำแหน่งประธานสภาฯ ต้องตกเป็นของพรรคก้าวไกล ส่วนสาเหตุที่พรรคเพื่อไทย ยอมปล่อยตำแหน่งดังกล่าว เพราะอยากให้การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เดินหน้าเร็วที่สุด ขณะที่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ คาดว่า การหารือร่วมกันของหัวหน้าพรรคจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค ในวันที่ 22 มิถุนายนนี้ จะมีการพูดคุยเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ โดยอยู่ระหว่างตกลงกันระหว่างพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย โดยบุคคลที่มาทำหน้าที่ประธานสภาฯ ไม่เกี่ยวกับอายุ และประสบการณ์ทางการเมือง แต่ต้องมีบุคลิกเป็นผู้นำ ควบคุมการประชุมได้ และต้องศึกษาข้อบังคับ หรือกฎหมายให้แม่นยำ ขอบคุณภาพจาก : Facebook@วีรวัฒน์ เปรมนิธิวัฒน์