"ศิธา" ปัดให้ท้าย "หยก" ย้ำไม่ทำตามกฎมีบทลงโทษ แต่ยังไม่ถึงขั้นพ้นสภาพ นร.

วันที่ 20 มิ.ย. 2566 เวลา 12:15 น.

"แด๊ดดี้ศิธา" ปัดให้ท้าย "หยก" ย้ำเด็กไม่ทำตามกฎระเบียบมีบทลงโทษ แต่ยังไม่ถึงขั้นพ้นสภาพ นร. บอกถ้าลูกตัวเองอยู่ในโรงเรียนมีกฎให้ใส่ชุดนักเรียนก็จะให้ใส่ ความคืบหน้าหลังนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข โพสต์พาดพิง น.ต.ศิธา ทิวารี แกนนำพรรคไทยสร้างไทย เรื่องการไม่แต่งชุดนักเรียน โดยตั้งคำถามถึงนายศิธาว่าตอนเป็นทหารทำไมใส่ชุดทหาร วันนี้ (20 มิ.ย. 66) ที่พรรคไทยสร้างไทย น.ต.ศิธา กล่าวว่า เครื่องแบบนักเรียน คือ ความเท่าเทียม ไม่ใช่การกดขี่ อย่าเอาแต่ใจว่า การที่บอกว่าเด็กใส่ชุดอะไรไปโรงเรียนก็ได้ หมายความว่าเป็นชุดที่เหมาะสมกับการเป็นนักเรียน หรือจะใส่ชุดนักเรียนก็ได้ แต่ถ้าผู้ปกครองไม่มีเงินซื้อชุดนักเรียน ก็สามารถใส่ชุดอื่นได้ เพราะยังมีอีกหลายครอบครัวที่มีความลำบากต่อการจัดหาชุดนักเรียน ซึ่งไม่ควรไปบังคับ เพราะระเบียบวินัยต้องเริ่มจากข้างใน มีระดับความรู้สึกนึกคิดของคน หรืออาจเป็นศีลธรรมก็ได้ ซึ่งระดับต่ำสุดของศีลธรรม คือการบังคับให้ต้องฝืนทำ และคนต้องยอมทำเพราะถูกบังคับ แต่เมื่อเด็กคนนั้นไปอยู่ในจุดที่ไม่มีการบังคับ อาจควบคุมอะไรหลายหลายอย่างไม่ได้ เพราะเราไม่ได้ฝึกวินัยตั้งแต่เด็ก นต.ศิธา กล่าวว่า หลายประเทศทั่วโลกก็ไม่ได้บังคับให้เด็กใส่ชุดนักเรียน จึงอยากถามว่าเด็กไทยมีความรู้สึกนึกคิดด้อยกว่าเด็กต่างชาติหรือไม่ ขณะเดียวกันหากไม่บังคับให้ใส่ชุดนักเรียนจะเกิดความฟุ้งเฟ้อ มีการแข่งแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าราคาแพง เรากำลังจะบอกว่า การบังคับให้ทุกคนทั้งหมดต้องทำเหมือนกันเพื่อให้คนกลุ่มหนึ่งไม่ฟุ้งเฟ้อ ซึ่งถ้าโรงเรียนบอกว่าใส่ชุดอะไรไปก็ได้ การแข่งขันเหมือนกันแต่เมื่อมีการแข่งขันเรื่องการฟุ้งเฟ้อ โรงเรียนสามารถออกกฎห้ามใส่เสื้อคลุมผ้าที่มีราคาแพงก็ได้ ซึ่งก็จะเป็นการออกกฎที่ตรงกับเจตนารมย์ และไม่รบกวนสิทธิคนอื่น “ยกตัวอย่าง หากเป็นลูกของผมอยู่ในโรงเรียนอยู่ในโรงเรียนที่ต้องแต่งเครื่องแบบ ผมก็จะบอกลูกให้แต่งเครื่องแบบให้ถูกต้องตามระเบียบ แต่ถ้าโรงเรียนบอกใส่ชุดอะไรก็ได้ แล้วลูกมาถามก็จะบอกว่าโรงเรียนโรงเรียนไม่ได้บังคับอยากจะใส่ชุดอะไรก็ได้ แต่ถ้าแต่งชุดนักเรียนไปก็น่ารักดี เพราะผมมีปัญญาที่จะซื้อชุดนักเรียนให้ลูก แต่ถ้าคนที่ลำบากในการซื้อชุดนักเรียน จะได้ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องนี้” น.ต.ศิธา กล่าว น.ต.ศิธา กล่าวอีกว่า ช่วงที่ตนรับราชการก็ใส่เครื่องแบบ ตอนนี้ไม่ใช่ข้าราชการก็ไม่ได้แต่งเครื่องแบบ ส่วนในรัฐสภา ไม่ได้มีการบังคับให้ใส่เครื่องแบบรัฐสภา ดังนั้นบางคนก็แต่งกายด้วยเครื่องแบบ บางคนก็แต่งกายด้วยสุภาพเรียบร้อย ดังนั้นสำหรับโรงเรียนตนมองว่า การปลูกจิตสำนึกให้กับเด็ก ควรบาลานซ์เรื่องสิทธิเสรีภาพด้วย น.ต.ศิธา กล่าวอีกว่า วานนี้ตนได้พูดเรื่องโรงเรียน ว่าถ้าโรงเรียนมีข้อกำหนดอยู่แล้ว เด็กก็ต้องทำตามกฎ และตนไม่ได้ให้ท้ายว่า เด็กที่ไม่ทำตามระเบียบโรงเรียนไม่ควรถูกลงโทษ พร้อมยกตัวอย่างความผิดที่ไม่ใส่ชุดนักเรียน การทำสีผม มีบทลงโทษความผิดตามขั้นตอน หากทำผิดหลายครั้งก็อาจจะไม่ให้เข้าเรียน หรือให้พ้นสภาพความเป็นนักเรียนก็เป็นไปได้ แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น “ผมไม่ได้ให้ท้ายหยก แต่การพิจารณาโทษเด็กที่อายุ 15 ปี ซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะแล้วทำความผิดแค่นี้ โรงเรียนบอกว่าไม่รับ เมื่อกลับไปดูในเนื้อหา แล้วมาบอกว่าไม่ได้มามอบตัวตามเวลา ทั้งที่ผู้ปกครองกับตัวเด็กก็ยืนยันว่ามามอบตัวและจ่ายเงินแล้ว แค่ไหนก็ต้องไปดูว่าจริงๆแล้วผิดแค่ไหน”