สาวช้ำถูกแก๊งคอลเซนเตอร์ หลอกโอนเงินสูญ 7 แสนบาท จ.อุดรธานี

วันที่ 16 มิ.ย. 2566 เวลา 06:10 น.

เช้านี้ที่หมอชิต - ยังป้องกันไม่ได้กับภัยแก๊งคอลเซนเตอร์ สาวใหญ่เมืองอุดรธานี เจอแก๊งคอลเซนเตอร์ปลอมเป็นตำรวจ ขู่ว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด ให้แอดไลน์ปลอม และหลอกให้โอนเงินไปตรวจสอบ สุดท้ายสูญเงินไปกว่า 700,000 บาท มาร้องเรียนตำรวจตัวจริง และเปิดเผยเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ เมื่อวานนี้ นางเอ นามสมมุติ อายุ 47 ปี พร้อมด้วย นายบี นามสมมุติ อายุ 49 ปี ขึ้นโรงพัก สภ.บ้านผือ จังหวัดอุดรธานี แจ้งความว่าถูกแก็งคอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์มาหลอกลวงว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด ต้องถูกตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมด จนหลงเชื่อและโอนเงินไปกว่า 700,000 บาท โดยมีหลักฐานเป็นภาพการพูดผ่านโปรแกรมไลน์ และสลิปการโอนเงินผ่านทางแอปพลิเคชันธนาคาร นางเอ เล่าว่า ช่วงบ่าย 14 มิถุนายนที่ผ่านมา ตนเองได้รับโทรศัพท์จากผู้หญิงคนหนึ่ง อ้างตัวว่าเป็นตำรวจ สภ.เมืองตาก แจ้งว่า ตนเองเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดในพื้นที่ ต้องถูกตรวจสอบทรัพย์สินมีค่าทั้งหมด เพราะจะต้องส่งให้ ปปง. เมื่อตรวจสอบแล้วจะโอนคืนให้ โดยมีการส่งข้อมูลคดีและภาพถ่ายมาให้ ส่งเอกสารที่อ้างว่ามาจาก ปปง. จนตนเองหลงเชื่อ จนมีการแอดไลน์ "สภ.เมืองตาก" เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม โดยบอกว่าจะมีตำรวจระดับรองสารวัตร และสารวัตร โทรหาผ่านไลน์อีกครั้ง กระทั่งช่วงเที่ยงมีการโทรผ่านไลน์กลับมา และมีการพูดจาหว่านล้อมให้หวาดวิตกจนหลงเชื่อ เนื่องจากที่ผ่านมาครอบครัวตน เคยถูกตำรวจมาตรวจค้นที่บ้านมาแล้ว จึงเกิดความหวาดกลัว อีกชั่วโมงต่อมา ตนจึงเริ่มโอนเงินผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร คนในสายก็ถามอีกว่า มีทรัพย์สินอะไรอีก ตนบอกไปว่ามีเงินในบัญชีของสามีอีกจำนวนหนึ่ง มีบ้าน 1 หลัง รถยนต์ 3 คัน ที่ดิน 29 ไร่ และสร้อยคอทองคำ 10 บาท เขาก็บอกว่าต้องโอนเงินส่งมาตรวจสอบทั้งหมด จึงทยอยโอนจากบัญชีสามีและลูกชาย ไปอีก 3 ครั้ง โอนผ่านบัญชีธนาคารกรุงศรีฯ ชื่อ นายราชันย์ เทพกรรณ และ นายณัฐพล กุชโร จนถึงช่วง 16.00 น. ตนได้โอนไปอีก รวมแล้วเป็นเงินกว่า 700,000 บาท และเขายังบอกให้ขายทอง 10 บาท โอนไปให้อีก ซึ่งตนเพิ่งจะเริ่มเอะใจ จึงบ่ายเบี่ยงว่าติดธุระ และไปปรึกษาอดีตนายจ้าง ไปอายัดบัญชีธนาคาร และมาแจ้งความในวันนี้ ซึ่งระหว่างที่คุยกับชุดสืบสวน แก๊งนี้ก็ยังส่งข้อความไลน์มา และโทรมาอีก 4 ครั้ง โน้มน้าวให้ขายทอง ชุดสืบสวนประสานธนาคารเพื่อตรวจเช็กบัญชีที่โอนไป ก็พบว่าเงินในบัญชีทั้ง 2 ถูกโอนออกไปจนหมดแล้ว นางเอ บอกว่า ครอบครัวตนทำไร่อ้อย และเป็นนายหน้ารับซื้ออ้อยส่งนายจ้าง ทำงานเก็บเงินมากว่า 10 ปี เงินทั้งหมดเก็บไว้เพื่อใช้หนี้เครื่องจักร หนี้ธนาคาร ด้วยความกลัวว่าจะมีความผิดด้วย จึงหลงเชื่อ ต้องสูญเสียเงินไปจนเกลี้ยงบัญชีทั้งหมด เห็นแต่ในข่าว ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเอง อยากให้ตำรวจจับคนร้ายให้ได้ อยากได้เงินคืน เพราะเดือดร้อนมากฝากเป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกคน เบื้องต้น พนักงานสอบสวนลงบันทึกประจำวัน และให้ผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีผ่านแอปพลิเคชันของ สตช. ด้วย คาดว่าบัญชีธนาคารทั้ง 2 บัญชี ที่ผู้เสียหายโอนไปเป็นบัญชีม้า ส่วนมิจฉาชีพกลุ่มนี้อยู่ตามแนวชายแดนในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะได้รวบรวมหลักฐานทั้งหมด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป