จับผู้ต้องสงสัยอ้างเป็นตำรวจ สุ่มตรวจปัสสาวะ ขู่กรรโชกเงิน

วันที่ 28 พ.ค. 2566 เวลา 07:13 น.

สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - มีชาวบ้านที่อาศัยใกล้ ๆ สถานีขนส่งหมอชิต ร้องเรียนกับตำรวจว่า มีคนอ้างตัวเป็นตำรวจไปสุ่มตรวจปัสสาวะคนที่ต้องสงสัยว่าเสพยาเสพติด ถ้าเจอว่าใครเสพก็จะขู่กรรโชกเงินแลกกับการไม่ดำเนินคดี ตำรวจ สน.บางซื่อ หน่วยงานเดียวกับที่ถูกอ้าง จึงเข้าไปขอตรวจค้น พาตัวชายต้องสงสัยไปสอบสวน เป็นภาพขณะที่ ตำรวจ สน.บางซื่อ ไปขอตรวจค้นตัวชายคนหนึ่ง ชื่อว่า นายปิยะวัฒน์ อายุ 39 ปี บริเวณหลังสถานีขนส่งงผู้โดยสารกรุงเทพฯ ถนนกำแพงเพชร 5 แขวงและเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร หลังได้รับแจ้งจากประชาชนว่า มีกลุ่มชายฉกรรจ์แอบอ้างตัวเป็นตำรวจ ตรวจค้นจับกุมผู้โดยสารไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด หากพบมีสารเสพติดในร่างกายจะขู่กรรโชกเงินเพื่อแลกกับการปล่อยตัว พร้อมกับให้พาไปตรวจค้นรถยนต์ด้วย ซึ่งก็พบอุปกรณ์แต่งกายคล้ายตำรวจ, อาวุธมีด 2 เล่ม, ชุดตรวจปัสสาวะ, ชุดทดสอบสารกัญชาและสัญลักษณ์ตำรวจ จึงพาตัวไปดำเนินคดีฐาน พกพาอาวุธมีดไปในเมืองฯ โดยไม่มีเหตุอันควร พันตำรวจโท วรภัทร สุขไทย รองผู้กำกับการปราบปราม สน.บางซื่อ หนึ่งในผู้จับกุมเปิดเผยว่า ผู้ต้องหาที่จับกุมได้ เบื้องต้นให้การรับสารภาพว่าเคยก่อเหตุจริง ส่วนข้อมูลการสืบสวนพบว่าเป็นผู้สั่งการในระดับหัวหน้าแก๊ง อยู่ระหว่างขยายผลสอบสวนเพิ่มเติมว่ายังมีใครที่เกี่ยวข้องอีก ส่วนข้อมูลการสืบสวนเบื้องต้นทราบว่า แก๊งนี้มีด้วยกันไม่น้อยกว่า 10 คน ประกอบด้วยวินรถจักรยานยนต์รับจ้างเถื่อนที่จะทำหน้าที่เป็นคนมองหาเหยื่อซึ่งมีด้วยกัน 2 ประเภท คือ กลุ่มแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ และผู้ที่มีลักษณะของคนเสพยาเสพติด อีกส่วนจะเป็นคนทำหน้าที่สวมรอยอ้างเป็นตำรวจ โดยมีอุปกรณ์ เครื่องหมายสัญลักษณ์ที่ดูคล้ายกับตำรวจจริง ที่สำคัญมีชุดตรวจสารเสพติดที่มีเครื่องหมายหน่วยงานราชการ หากสุ่มตรวจสอบแล้วพบว่ากระทำผิดกฎหมายจริง ก็จะพาตัวไปข่มขู่เรียกเงิน มีตั้งแต่หลักพันบาท ไปจนถึงหลักหมื่นบาท และเชื่อว่าแก๊งนี้มีตำรวจหนุนหลังให้การช่วยเหลือด้วย พันตำรวจโท วรภัทร ยังได้พาสื่อมวลชนไปดูจุดที่คนร้ายมักลงมือก่อเหตุ อยู่ด้านหลังสถานีขนส่งหมอชิต ซึ่งหากเป็นเวลากลางคืน จุดนี้จะค่อนข้างมืด เพราะมีแสงสว่างน้อย และไม่มีกล้องวงจรปิด ซึ่งเมื่อทีมสนามข่าวสอบถามเรื่องนี้กับ วินรถจักรยานยนต์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ที่อยู่ในละแวกคอยให้บริการ ก็ยอมรับว่า เคยเห็นมิจฉาชีพกลุ่มนี้มานานแล้ว รู้ว่าผู้ก่อเหตุมีประมาณ 10 คน มักเข้ามาก่อเหตุช่วงเช้ามืดถึง 6 โมงเช้า ส่วนที่ไม่กล้าเข้าไปยุ่ง เพราะกลัวจะได้รับอันตราย หลังจากนี้ตำรวจจะทำการขยายผลสืบสวนจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อ พร้อมกับฝากเตือนประชาชนให้ระวังตัว หากพบคนอ้างตัวเป็นตำรวจ หากเป็นตำรวจจริง จะสามารถขอตรวจสอบบัตรประจำตัวตำรวจ หรือขอบันทึกภาพขณะดำเนินการตรวจสอบตามขั้นตอนของกฎหมายได้